หนังอินเดีย กับ Bollywood
By Niruth Amnuaysilp

            อินเดียนับว่าเป็นเมืองหนึ่งที่ผลิตหนังออกมามากที่สุดประเทศหนึ่ง จนได้ชื่อว่าเป็นบอลลี่วูด (Bollywood) เพราะเป็นแหล่งบันเทิงที่ทํารายได้เป็นกอบเป็นกําเลยในอินเดีย จะว่าไปแล้ว Bollywood หรือที่บ้านเราเรียกว่าหนังแขก ๆ นั้น ถ้าลองจินตนาการก็จะคิดว่า หนังแขกก็จะต้องประมาณว่า วิ่งวนรอบเขา ร้องเพลงทั้งเรื่อง สมัยก่อนผมก็ชอบหนังแขก แต่ผมดูแต่พวกหนังแบบพระรามพระลักษณ์ หนังอิทธิฤทธิ์ พอมาสมัยใหม่ หนักอินเดียเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้จะมีหนังอิทธิฤทธิ์อยู่ แต่ในอีกมุมหนึ่ง หนังอินเดียมีคุณภาพอยู่ในระดับสากลเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ชื่อว่า Bollywood และเมืองที่เป็นเมืองแห่งภาพยนตร์ของเขาก็คือเมืองบอมเบย์ (Bombay) หรือชื่อใหม่ก็คือ เมืองมุมไบ (Mumbai) ที่เมืองนี้มีการถ่ายหนังให้เห็นกันบ่อย ๆ วิ่งไล่กัน หรือแขกมุงก็มี และหนังแขกในปัจจุบันที่ผมบอกว่าระดับสากลนั้น อีกอย่างหนึ่งก็คือเนื้อเรื่องและการถ่ายทํา มีการใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์ หรือเทคนิคในการเล่นมุมกล้องจนถ้าท่านใดที่เคยดูหนังอินเดียมาก็คงจะรู้ได้ว่า หนังอินเดียนั้น ถ้าเป็นหนังรักโรแมนติก ก็จะโรแมนติกมาก และถ้าเป็นคอนเศร้า ก็แทบจะเรียกน้ำตาจากคนดูได้เลย

         หนังแขกนี่มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งเท่าที่ผมประสบมา ผมดูมาหลายเรื่อง หนังแขกไม่ค่อยเห็นการเกี้ยวกันแบบหนังฝรั่งที่มีการกอดจูบหรือคลุมโปงในผ้าห่ม การเกี้ยวกันโดยมากจะเป็นเพลงหวาน ๆ หรือแอบรักเขา หนังทุกเรื่องโดยมากจะต้องมีเพลงครับ ขนาดหนังเรื่องที่ว่าบู๊ ๆ เช่น THE POWER นำแสดงโดยการิชม่า กาปูร์, นานาปาติกัน, ชารุข่าน คือ เรื่องนี้เป็นแบบตามล่านะครับ คิดว่าไม่น่ามีเพลง แต่กลางเรื่องพระเอกดันฝันว่าเต้นกับสาวสวย ร้องเพลงกันจนได้... เห็นมั้ยครับ

       แล้วเพลงที่นํามาประกอบนั้น ถ้าเป็นหนังเศร้าทํานองพาเข้ากับเนื้อเรื่องพอดูแล้วอาจจะรู้สึกเศร้าแทบขาดใจตายตามไปด้วยได้เลย มิวสิควีดีโอของอินเดียโดยมากจึงเป็นมิวสิคที่มาจากหนัง เมื่อดูแค่มิวสิคอารมณ์ของหนัง หรือบางมิวสิคอาจจะมีตัวละครอื่น ๆ ในเนื้อเรื่องประกอบมาร่วมแสดงด้วยก็มี เพลงไหนที่สนุกก็จะเต้นกันแดนซ์กันมันส์สุดเหวี่ยงเลยครับทั้งจอ ประมาณนั้น

       หนักแขกยังมีเอกลักษณ์อีกหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง บางเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรักสามเส้า ชายหนึ่งหญิงสองที่เข้าใจผิดกัน แต่สามารถทําให้เราตื่นเต้นได้เมื่อเวลาดูก็มี บางเรื่องอย่างเช่น Chalte Chalte ที่แสดงโดยพระเอกที่ชื่อ Sharuk khan กับ Rani Mukherji ก็เป็นเรื่องความรักกุ๊กกิ๊ก ๆ แต่ตอนหลังก็เศร้าแทบขาดใจ สุดท้ายก็ happy ending ครับ แบบนี้ก็มี มีหลาย ๆ แนว

Munna Bhai M.B.B.S by Sanjay Dutt

        อีกอย่างหนึ่งของหนังอินเดียที่สังเกตมาตลอด และยอมรับว่าหนังอินเดียสอนใจได้ ก็คือ สอนให้มีความรับผิดชอบ ถ้าพระเอกโกงข้อสอบเข้ามาเรียนหมอ อย่างในเรื่อง Munna Bhai พอตอนสุดท้ายก็จะต้องสารภาพ หรือเก็บความลับบางอย่างเอาไว้ สุดท้ายก็บอกความจริง.. หนังหลาย ๆ เรื่องสอนได้เยอะครับ ทั้งในเรื่องของการต่อสู้ เช่น เรื่อง LAGAAN ว่าด้วยเรื่องการแข่งขันกีฬา เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของหมู่บ้านจำปาเนีย เป็นต้น มีจำหน่ายเป็นภาษาไทยครับ เป็น VCD ลองหาดู หนังเรื่องถ้านั่งดูแบบจดจ่อแล้วล่ะก็ จะพาใจลุ้นไปกับเกมเลยครับ แต่สุดท้ายก็จะทำให้หัวใจพองโตเพราะความพยายามนำมาซึ่งความสำเร็จครับ

       อย่างเรื่อง Kabhi Kushi Kabhi Gham ถ้าดูแล้วก็จะทําให้เรารักครอบครัว รักพ่อแม่มากยิ่งขึ้นครับ เพราะหนังถ่ายทอดมาได้ดีมาก ๆ คือ ถึงไม้ว่าจะไม่ใช่หนังบู๊ แต่มันก็ทําให้เรารู้สึกอินไปกับหนังได้ คนรู้จักคนหนึ่งเขามาท้าให้ผมดู แต่ไม่รู้หรอกว่าผมดูไปแล้ว เขาบอกว่า ถ้าดูเรื่องนี้แล้ว ไม่ร้องให้นะ มาเตะผมได้เลย.. เอ้อนั่นสิ สงสัย แกก็ร้องมาเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ดีครับ happy ending แบบสุด ๆ ตอนหลัง เพลงประกอบ เพราะทุกเพลงเลย..

       แนะนําครับ สําหรับท่านที่เป็นคอหนัง หนังบางเรื่องไม่ได้นํามาทําเป็นภาษาไทย แต่ก็หาซื้อได้จากแหล่งครับ แถวพาหุรัดมีเยอะครับ.. ลองเข้าไปหาซื้อดู มีทั้ง DVD และ CD ครับ... เลือกที่เป็น English Subtitle มาฟังก็ได้ครับ ฟังเสียงใน Film ดีหน่อย ได้อรรถรสดี เนื้อเพลงไม่ขาด ไม่หาย และก็มีเพลงอินเดีย Panjabi หรือ Arabic อีกเยอะให้เลือกซื้อครับ ราคาไม่แพง..

     ยังไงโอกาสหน้าจะมาเล่าเรื่องอื่นให้ฟังกันอีกครับ.. ตอนนี้ขอลาไปก่อนเน้อ นมัสเตจ้า...

---

http://www.thaidev.com/travel/bollywoord/bollywood.html     ขอขอบคุณ