ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวว่า คนไทยเราแห่ไปต่างประเทศที่ใดที่หนึ่งเป็นจำนวนมากๆ ผมมักจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ
เหตุที่ไม่สบายใจ...ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากให้คนไทยไปต่างประเทศหรอกครับ...ความจริงแล้ว ผมอยากให้ไปทุกๆคนด้วยซ้ำถึงแม้จะไปเที่ยวเฉยๆก็เถอะ เพราะการไปนอกหรือไปต่างประเทศแต่ละครั้งนั้น ถือเป็นการเปิดหู เปิดตา และเปิดสมอง ได้ พบสิ่งใหม่ๆ ได้สัมผัสของใหม่ๆ เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ความคิด และประสบการณ์ที่หาค่า มิได้
ผมเองก็มักจะเดินทางไปต่างประเทศปีละ 2-3 ครั้ง ตามแต่จังหวะและโอกาสจะเอื้ออำนวยให้
แต่ที่เกิดความกังวลใจทุกครั้งที่ได้ยินข่าวว่า คนไทยแห่ไปโน่นไปนี่แยะๆ ก็เพราะกลัวว่าเราจะ ไม่ไปเที่ยวหาความรู้ หรือพักผ่อนหย่อนใจเพียงเท่านั้นซีครับ
อาจจะไป “ช็อปปิ้ง” หรือซื้อข้าวของกลับมาด้วย ตามอุปนิสัยชอบ “ช็อป” ของคนไทยเรา
หรือมิฉะนั้นก็ไปเล่นการพนันตามอุปนิสัยอีกอย่างของคนไทย... หมดเนื้อหมดตัวกลับมาเป็น แถวๆ
ด้วยเหตุนี้ เวลาหนังสือพิมพ์รายงานว่า คนไทยไปฮ่องกงแยะ...ไปสิงคโปร์แยะ...หรือล่าสุดบอก ว่าข้ามฟากไปเขมรแยะมากๆ ทุกวันหยุด... ผมจึงมักจะสะดุ้งทุกครั้ง
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้...มีคนมาเล่าให้ผมฟังว่า ขณะนี้คนไทยเรากำลังฮิตเดินทางไปประ เทศหนึ่ง และไปกันบ่อยๆหลายๆทัวร์ในแต่ละเดือน...ตัวเลขเพิ่มสูงอย่างน่าสังเกต
พอได้ยินชื่อประเทศและทราบวัตถุประสงค์ของทัวร์ แทนที่ผมจะรู้สึกกังวล ก็กลับดีใจและอนุ โมทนาสาธุ อยากให้ไปกันมากกว่านี้ เขาเรียกกันสั้นๆว่า “ทัวร์อินเดีย” ครับ
แต่ในความหมายที่แท้จริงคือการไปเยี่ยมชมพร้อมปฏิบัติธรรม ณ สถานที่อันเป็นจุดกำเนิดของ พุทธศาสนา เมื่อ 2,500 กว่าปีที่แล้ว...ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอินเดีย
เพื่อนๆฝูงๆที่ไปมาแล้ว กลับมาเล่าให้ผมฟังว่า ส่วนใหญ่เป็นระดับไฮโซ ไฮทรัพย์ หรือคนมีกะ ตังค์แทบทั้งสิ้น
ทุกคนบอกว่าการเดินทางยากลำบากมาก ถนนบางแห่งยังเป็นฝุ่นเป็นดิน ที่พักแรมบางแห่งก็ สบาย บางแห่งก็ลำบาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ อาหารการกินไม่ต้องพูดถึงละ ส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมืองล้วนๆ ใครไม่ถนัดอาหารอินเดียก็ คงจะหนักหน่อย
แต่ทั้งๆที่ยากลำบากอย่างนี้...ทุกคนที่ผมคุยด้วยกลับบอกว่าประทับใจ ติดใจ ได้อะไรกลับมาแยะ
ได้มีโอกาสเดินตามรอยบาทพระพุทธองค์...ได้มีโอกาสบำเพ็ญศีลภาวนาในสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าและพระสาวกเคยบำเพ็ญมาแล้ว
ทำให้เข้าใจในแก่นแท้ของพระศาสนามากขึ้น รู้สึกปล่อยวาง รู้สึกปลง และเข้าใจคำว่ารักคนอื่น เมตตาคนอื่นมากขึ้น
นอกจากนี้ ความยากลำบากและภาพ 2 ฟากทางที่พบเห็น ก็ยิ่งทำให้รู้สึกรักเมืองไทยของเรามาก ขึ้น เพราะแม้ในพื้นที่ที่ว่ายากลำบากนักหนาของเรา ก็ยังดีกว่าของเขาหลายเท่านัก
หลายคนบอกว่า...อยากจะกลับไปอีก และอยากจะอยู่นานๆ
ผมเองสังขารคงไม่เอื้อที่จะเดินทางไปกับทัวร์ที่ว่านี้ ได้แต่ฟังแล้วก็พลอยอิ่มบุญไปด้วย ขอ อนุญาตนำมาเขียนบอกเล่าต่อเพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ที่จะเดินทางไปทัวร์ถิ่นกำเนิดของ พระพุทธ ศาสนารุ่นต่อๆไป
อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมอยากเขียนถึงเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ หมู่นี้มักจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาของเราขึ้นหน้า 1 เป็นประจำ
บ้างก็ว่าจะมีการปฏิรูปพระ ปฏิรูปวัดขนานใหญ่ บ้างก็ว่ามีผู้เสนอให้มีพระสังฆราชถึง 2 พระ องค์...อ่านข่าวแล้วก็สับสนเต็มที
ก็เลยถือโอกาสนี้เชิญชวนให้ผู้ที่กำลังถกเถียงกัน กำลังจะแก้ กฎหมาย...หรือกำลังจะทำอะไรก็ ตามเกี่ยวกับพระศาสนาที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ ลองไป “ทัวร์อินเดีย” ดูบ้าง
เผื่อจะบรรลุถึงแก่นแท้ของพระธรรมเหมือนดังเพื่อนฝูงหลายๆคนของผม ที่ใจเย็นลงและมีสติ มากขึ้น
ความรู้สึกที่จะทำให้แปลกแยก อยากจะแบ่งโน่นแบ่งนี่ หรือการถกเถียงอย่างเร่า ร้อนจะได้ลดลง ประสาชาวพุทธด้วยกัน ว่างั้นเถอะครับ.
"ซูม"
นสพ ไทยรัฐ 13 มีนาคม 2548
ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้