Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: Monsoon Wedding


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
Monsoon Wedding
Permalink   


มอนซูน เวดดิ้ง วุ่น-หวาน วิวาห์บานฉ่ำ


ลงตัวดี บอลลีวู้ด

Reviewed by: ซิซิเลีย


      มิร่า แนร์ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์หญิงชาวอินเดีย ที่สร้างชื่อเสียงไว้จากภาพยนตร์เรื่อง Salaam Bombay แม้จะทำหนังต่อมาอีกหลายเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าชื่อของ มิร่า แนร์ แทบจะหายไปจากวงการ ก่อนจะกลับมาเปรี้ยงอีกครั้งกับ Monsoon Wedding ในยุคที่หนัง บอลลีวู้ด และรสชาติเข้มข้นแบบเครื่องเทศแขก กำลังบูมเบ่งบานอยู่ตามโรงภาพยนตร์ทั่วโลก

        Monsoon Wedding เล่าเรื่องราวก่อนหน้าการแต่งงานลูกสาวบ้านนาย ลาลิต วามา ในระยะเวลาเพียง 4 วัน จนกระทั่งการแต่งเสร็จสิ้น ซึ่งท่ามกลางวันเวลาไม่กี่มื้อนี้ กลับเต็มไปด้วยความโกลาหลอลหม่าน นับแต่ญาติที่จะต้องเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อร่วมพิธีแต่งงาน การหยิบยืมกู้เงินเพื่อมาแต่งลูกสาวออกเรือนตามธรรมเนียมอินเดีย ความวิตกกังวลมากมายของคนในครอบครัว และความปั่นป่วนใจของเจ้าสาว ที่จะต้องออกเรือนแบบคลุมถุงชน กับชายแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ขณะเดียวกัน เธอก็ยังคิดถึงชู้รักคนเก่าจนอดรนทนไม่ได้ ถึงขนาดต้องดอดไปหาเขายามค่ำคืน นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ของเรื่องราวอันวุ่นวายที่อัดแน่นอยู่ในบรรยากาศของการเตรียมงานแต่ง

       นักแสดงคนหนึ่งในหนังเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า นี่เป็นบรรยากาศโดยทั่วไปของงานแต่งงานที่นั่น จะมีคนโน้นคนนี้หลงรักชอบพอกันหลายคู่ระหว่างงานแต่ง ซึ่งหนังก็สามารถแทรกคู่รักอื่น ๆ นอกเหนือจากพระนาง (บ่าวสาว) ไว้ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะคู่ของ พี เค ดูเบย์ ผู้จัดงานแต่งงานครั้งนี้ กับ อลิศ สาวใช้ในบ้านของนายวาลิต ผู้กำกับสามารถสร้างบรรยากาศฉากรักโรแมนติก ระหว่างชายหญิงคู่นี้ได้อย่างมีเสน่ห์ นับเป็นความโรแมนติกที่สุดในหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว

       หนังให้ภาพของชุมชนของคนชั้นกลางชาวปัญจาบในกรุงเดลฮี (ซึ่งก็คือวิถีชีวิตในแบบฉบับของผู้กำกับ มิร่า แนร์ ด้วยเช่นกัน) ผู้กำกับหญิงผู้นี้เคยกล่าวว่า "ชาวปัญจาบอย่างเรา ๆ มักจะมีงานเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน และสุดเหวี่ยงไปเสียทุกเรื่อง" นอกจากนี้ เธอยังอยากจะนำเสนอภาพที่เป็นจริงของสังคมชนชั้นกลางยุคโลกาภิวัตน์ ว่าแท้จริงแล้วมีหน้าตาเช่นไร ซึ่งก็อย่างที่เห็นในหนัง แม้พวกเขาจะแต่งกายในแบบธรรมเนียมอินเดีย และแต่งงานตามบัญชาพ่อแม่ แต่พวกเขาก็ยังมีวิถีอีกแบบหนึ่งที่ไหลเปลี่ยนไปตามกระแสโลก หนังสามารถผสมผสานสองวัฒนธรรม ทั้งโลกเก่าและโลกใหม่ ไว้ในหนังได้อย่างสนุก

       ในหนัง เราจะได้พบกับชาวอินเดียรุ่นเก่า คือรุ่นพ่อแม่ และอินเดียรุ่นใหม่ ที่ย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่ประเทศตะวันตก พวกนี้กลับบ้านเกิดพร้อมความเป็นสากล ขณะเดียวกันก็ยังมี "แก่นและราก" ของอินเดียอยู่เต็มเปี่ยม ต่อให้ห่างหายไปนานแค่ไหนก็ตามที

        ที่สำคัญ หนังเรื่องนี้ นักแสดงทุกคนแสดงกันได้ดีหมด ทั้งนักแสดงนำและนักแสดงสมทบ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบชั้นดีที่ทำให้หนังขับเคลื่อนไปได้ อย่างมีความหมายและเต็มไปด้วยรสชาติ

         ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่หนังเรื่องนี้สามารถคว้ารางวัล Golden Lion จากเทศกาลภาพยนตร์เวนิซเมื่อปีก่อน อันเป็นรางวัลสูงสุดของเวทีดังกล่าว และยังสามารถขึ้นไปผงาดในฐานะ "ผู้เข้าชิง" ในหลายเวทีภาพยนตร์โลกอีกด้วย

สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยในหนังอินเดียก็คือ "เพลง" ซึ่งนับเป็นหัวใจของหนังส่าหรี และหนังเรื่องนี้ก็สามารถใช้เพลงได้อย่างสนุกสนานและเต็มรสชาติ นับเป็นหนังอินเดียประยุกต์ ที่สามารถหยิบเอาขนบแบบหนังบอลลีวู้ดแท้ ๆ มาผสานกับความเป็นโมเดิร์นลูกผสม ของวิถีชีวิตแบบอินเดียปัจจุบันได้อย่างลงตัวทีเดียว ใครดูหนังเรื่องนี้แล้วจำเพลงจากหนังไม่ได้ หูคงจะไม่ดีแน่นอน เพราะทุกเพลงในหนังจะฝังอยู่ในความรู้สึกและความทรงจำไปหลายวันเลยทีเดียว

       ขอฟันธงแบบนิ่ม ๆ ว่า หนัง Monsoon Wedding เป็นหนังมหาชน เป็นหนังที่ทุกคนจะต้องชื่นชอบ ต่อให้ชีวิตนี้คุณจะไม่ชอบกินโรตีมะตะบะเลย ก็ตามที.




US เรทติ้ง:  R
ความยาวหนัง:  114 นาที
โปรแกรมฉายในไทย:  15/11/02
โปรแกรมฉายใน US:  ไม่พบข้อมูล
ประเทศผู้ผลิต: India
ประเภทหนัง:  Comedy
สถานที่ถ่ายทำ:  New Delhi, India


ผู้แสดงนำ:
นาซีรูดดิน ชาห์
ลิลลีท ดูเบย์


ผู้แสดงสมทบ:
เชฟาลิ เช็ทตี้
วิเจย์ ราซ
ทิโลทามา โชเม
วสันตรา ดาส


ผู้กำกับ:
มิรา แนร์


ผู้สร้าง:
ยูเอสเอ ฟิล์ม




ขอขอบคุณ     http://www.movieseer.com




__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
Permalink   











Moonsoon Wedding






 

ตามสายตาของคนไทยทั่วๆ ไปแล้ว การขายโรตี ขายถั่ว ขายผ้า ดูคล้ายจะเป็น "อาชีพสงวน" ไปแล้วสำหรับชาวภารตะในบ้านเรา และหากมองด้วยมุมมองที่ผิวเผินมากขึ้นไปอีก อาชีพทั้ง 3 อย่างที่กล่าวมาจะเป็นอาชีพที่คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าคนอินเดียทำได้เท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว อีกหนึ่งงานศิลปะที่คนอินเดียทำได้ดี และดีมากๆ เสียด้วย คือการทำหนังนั่นเอง


ูผกก. ชาวอินเดียอย่าง Mira Nair ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเธอเป็นคนทำหนังที่มีคุณภาพมากๆ คนหนึ่งของโลกภาพยนตร์ ไม่ใช่เฉพาะแค่ในอินเดีย ด้วยผลงานที่ผ่านมาอย่าง Salaam Bombay Mississippi Masala และ Kama Sutra ย่อมเป็นหลักประกันที่มากเกินพอว่าผกก.หญิงคนนี้มีศักยภาพล้นเหลือเพียงไร


สิ่งที่ทำให้หนังของ Mira แตกต่างออกไปจากหนังของผกก.อินเดียคนอื่นๆ คือความสามารถในการสอดแทรกประเด็นความขัดแย้งทางวัฒนธรรมและทางสังคมเข้ามาในเนื้อเรื่อง และสำหรับใน Monsoon Wedding นี้ ประเด็นเหล่านั้นก็ยังคงอยู่และแอบซ่อนตัวเข้ามาได้อย่างแนบเนียนจนแทบจะกลายเป็นก้อนเดียวกับตัวหนัง


Monsoon Wedding เป็นเรื่องของพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นของ อดิถี ลูกสาวของ ละลิต พ่อผู้มีฐานะปานกลาง ขนาดที่ต้องเอ่ยปากหยิบยืมเงินจากเพื่อนฝูงเพื่อมาจัดงานแต่งงานให้ลูกสาว ส่วนอนาคตสามีของ อดิถี ที่ผู้เป็นพ่อหามาให้นั้นเป็นหนุ่มหัวนอกที่มีอาชีพการงานมั่นคงอยู่ที่อเมริกา ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเหมือนกิ่งทองใบหยก หาก อดิถี ไม่ไปหลงรักพิธีกรรายการทีวีที่มีลูกมีเมียอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังตัดใจจากเขาไม่ลง นอกจากนี้ ตัวหนังยังเสนอเนื้อเรื่องรองอีกสามสี่เรื่องซึ่งล้วนแต่ช่วยสร้างความสมบูรณ์ให้กับตัวหนังได้พอเหมาะพอเจาะ


ทั้งเรื่องของ Monsoon Wedding เกี่ยวพันกับงานแต่งงาน ตั้งแต่เปิดเรื่องไปจนจบฉากสุดท้าย ซึ่งสำหรับวัฒนธรรมตะวันออกแล้วถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว ตัวหนังนำเสนอสังคมอินเดียในปัจจุบันที่ค่อนข้างร่วมสมัย และตามแบบฉบับของหนังอินเดียที่จะมีตัวละครมากๆ เอาไว้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หากแต่ตัวละครหลักๆ มากมายที่ผ่านเข้ามาบนจอนั้นต่างนำเสนอและสื่อข้อความในมุมมองที่ต่างกันออกไปตามสถานะภาพของตนเองซึ่งสร้างความลึกให้กับตัวหนังอย่างประมาณไม่ได้เลย


ตัวหนังนั้นเรียกว่ามี "ครบทุกรส" จริงๆ ทั้งตลก ทั้งเศร้า ทั้งรัก และถึงแม้จะไม่มีการผูกปมอะไรให้คนดูลุ้นกันมากมายเหมือนหนังฝรั่งจากฮอลิวู๊ด แต่การดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ แต่มีจุดหมายและประเด็นในการนำเสนอที่เด็ดขาด เนื้อเรื่องรองต่างๆ ที่แน่นมากๆ คอยหนุนอยู่ตลอด รวมไปถึงสาระทางสังคมที่แทรกเข้ามาให้ชวนคิด ทำให้ Monsoon Wedding ไม่ใช่หนังที่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน ตัวหนังมีเสน่ห์ของโลกตะวันออกอย่างเต็มเปี่ยมและน่าชื่นชม


ส่วนใหญ่แล้ว ในเรื่องนี้ จะใช้กล้องมือถือค่อนข้างบ่อยและถี่จนภาพที่ออกมาดูน่าเวียนหัวไปสักนิด (แนะนำว่าไม่ควรซื้อตั๋วแถวหน้าๆ ) แต่พอถึงช่วงที่จะเน้นอารมณ์ความรู้สึกกันแล้ว ผกก.ภาพกลับถ่ายภาพออกมาได้สวยงดงาม และสื่ออารมณ์ ชนิดที่หนังสตูดิโอใหญ่ๆ จากฮอลิวู๊ดกินไม่ลงก็แล้วกัน และตลอดทั้งเรื่อง หนังใส่ภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมชาวเมือง นิว เดลฮี แทรกเข้ามาได้อย่างมีชีวิตชีวา และไม่เสแสร้ง



จุดที่ผมชอบมากๆ ในหนัง คือการที่ตัวหนังยอมที่จะรอมชอมในด้านเทคนิค ด้วยการนำเสนอหนังในแบบสากล เล่าเรื่องด้วยวิธีที่ต่างออกไปจากหนังอินเดียโดยทั่วไป (ซึ่งอันที่จริงเป็นเรื่องปกติของหนังของผกก.คนนี้อยู่แล้ว) ใช้เทคนิคที่ก้าวหน้าไม่แพ้โลกตะวันตก แต่สิ่งหนึ่งที่ผกก.ยืนยันที่จะไม่รอมชอมด้วยคือการถ่ายทอดวัฒนธรรมอินเดียแท้ๆ ออกมาบนแผ่นฟิล์ม ซึ่งผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าอิจฉามากๆ เพราะแม้ว่าอินเดียจะตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก รวมไปถึงสายแห่งวัฒนธรรมธรรมใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามาแต่ด้วยความแข็งแกร่งทางวัฒนธรรมที่เหมือนจะไหลอยู่ในสายเลือดของคนอินเดียทุกผู้คนทำให้ "ความเป็นอินเดีย" ยังคงอยู่อย่างเห็นได้ชัด ไม่เหมือนหนังของประเทศสารขันฑ์ในแถบอินโดจีนที่ดูเหมือนจะถูกวัฒนธรรมตะวันตกกลืนหายไปจนไม่เหลือกำพืดที่แท้จริงของตนไปแล้ว จริงอยู่ที่ว่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนอินเดียโดยทั่วไปจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ท่ามกลางกระแสโลกปัจุบัน แต่ด้วยความที่คนอินเดียเป็นคนที่ "ไม่แยแส" กับกระแสสังคมที่เปลี่ยนไปมากนัก ยังคงยึดมั่นในวัฒนธรรมที่งดงามของตนเองเอาไว้ได้



การแสดงประเภท "โอเวอร์แอคติ้ง" ดูจะเป็นอีกหนึ่งคำกล่าวหาที่นักแสดงชาวแขกได้รับมาตลอด แต่นั่นมันเป็นเรื่องเก่าโบราณไปซะแล้ว นักแสดงในเรื่องทุกคนแสดงได้อยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะผู้แสดงเป็น ละลิต ผู้พ่อ ที่หน้าตาบางมุมบางจังหวะละม้ายคล้าย Al Pacino (นิดๆ) แถมระดับฝีมือการแสดงยังใกล้เคียงกันซะอีกด้วย


อีกหนึ่งองค์ประกอบที่โดดเด่นและเป็นปัจจัยที่เรียกว่า "ขาดไม่ได้"ในหนังอินเดียคือเรื่องเพลงและดนตรี จะพบว่าเพลงหลายๆ เพลงในหนังอยู่ในขั้น"เพราะมาก" ซึ่งเพลงเกือบทั้งหมดเป็นเพลงป๊อปสมัยใหม่แต่ยังคงกลิ่นไอของความเป็นชาวภารตะเอาไว้ได้ และงานดนตรีประกอบที่ไพเราะมากและสนับสนุนอารมณ์ของหนังได้ดี น่าชื่นชม ดนตรีประกอบในบางช่วงนั้น ก้าวกระโดดไปเป็นเพลงเทคโน แดนซ์กันเลยทีเดียว ไม่ใช่เรื่องปกติ (สำหรับบ้านเรา) นะครับ ที่เราจะได้ฟังเพลงอินเดียที่เป็นแนวแดนซ์แบบนี้


ฉากหนึ่งที่ผมชอบมากๆ (ท่ามกลางอีก 108 ฉากโปรดอื่นๆ ในหนัง) เมื่อหนังมาสรุปประเด็นที่ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง (จนเกือบนึกว่าผกก.จะลืมไปแล้ว) ได้อย่างสวยงาม เมื่อละลิต ตัดสินใจที่จะ "ทุบหม้อข้าว" ตนเอง ความอุปถัมภ์ด้านทรัพย์สินที่เข้ามาจุนเจือชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่เขาเห็นว่าสำคัญและทำให้ครอบครัวนี้อยู่รอดได้ แต่จะเอาเงินเหล่านั้นมาทำไม ถ้าชีวิตมันไม่เหลืออยู่แล้ว เพราะ ลิลิต เห็นครอบครัวเป็นเหมือนชีวิตของเขานั่นเอง เมื่อมีเรื่องที่ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก ชีวิตก็ไม่เหลือ


ในท้ายเรื่อง หนังตัดสลับระหว่างงานแต่งงานที่หรูหราฟู่ฟ่าของ อดิถีและคู่สามีนักเรียนนอก และ การแต่งงานที่ราบเรียบจนเรียกไม่ได้ว่าเป็น "งานแต่ง" กับคู่ของ ดูเบย์ และ อลิซ หนังไม่ได้พยายามจะบอกว่าการกระทำแบบไหนดีกว่ากันแต่ตัวหนังเพียงต้องการนำเสนอว่าในอินเดีย (หรือจริงๆ แล้วน่าจะเป็นทุกที่ในโลก) ชนชั้นที่ต่างกันทำให้วิถีทางสังคมของแต่ละคนต่างกัน แต่จุดหมายปลายทางที่มีความสุขนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับตัวบุคคลโดยแท้ความแตกต่างของชนชั้นเป็นเพียงส่วนเปลือกเท่านั้น ทำให้หนังปิดตัวลงด้วยมุมมองของการมองโลกในแง่ดี ว่าสังคมนี้จะสูงขึ้นได้หากทุกคนยอมรับในความเป็นคนของกันและกันจะมีความสุขใดมีมากกว่านี้ไปได้อีก โดยเฉพาะในสังคมที่ชนชั้นมีบทบาทสำคัญมากๆ อย่างในอินเดีย นับเป็นฉากจบที่น่าประทับใจและอิ่มเอมใจมากๆ


Monsoon Wedding เป็นหนังอีกเรื่องในปีนี้ที่ผมชอบมากๆ และขอโหวตให้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดีที่สุดในปีนี้เลย เพราะคงมีหนังไม่กี่เรื่องในชีวิตการดูหนังของคุณ (และของผม) ที่สามารถพาเราไปสัมผัสทั้งด้านดีและด้านเลวของสังคมในอีกประเทศหนึ่ง ในอีกวัฒนธรรมหนึ่งโดยไม่มีการชี้นำใดๆ ได้อย่างค่อนข้างถึงแก่น ภายในเวลา 2 ชั่วโมง แถมยังเป็น 2 ชั่วโมงที่น่ารื่นรมย์อย่างที่สุดอีกต่างหาก หนังจะทำให้คุณรู้จักและรู้สึกสนิทสนมแนบแน่นกับวัฒนธรรมชาวภารตะได้มากขึ้น ในมุมมองที่เปิดกว้างมากขึ้น (โดยไม่จำเป็นต้องซื้อโรตีเข้าไปกินเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศแต่อย่างใด) ผมขอฟันธงไปเลยว่า "พลาดไม่ได้เด็ดขาดครับ" สำหรับ Monsoon Wedding





official Site


www.monsoonweddingmovie.com/


****** from   http://www.popcornfor2.com/movies/archives/ft_021.html


 

__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard