Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ชี้ช่องส่งออก-ลงทุนในอินเดีย


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
ชี้ช่องส่งออก-ลงทุนในอินเดีย
Permalink   


         "อินเดีย" ในฐานะยักษ์ที่หลับไหลมานาน กำลังจะเริ่มเปิดประเทศสู่โลกภายนอกโดยใช้รูปแบบเดียวกับจีนที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว คือ เน้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดนักลงทุน สร้างงานภายในประเทศ ช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะดีของนักลงทุนและผู้ส่งออกไทยที่ต้องการเข้าไปเจาะตลาดอินเดีย


           รัฐบาลไทยมองเห็นโอกาสตรงนี้จึงนำร่องทำ FTA กับอินเดีย โดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การทำ FTA ระหว่างไทย-อินเดียถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ โดยจะเริ่มลดภาษีสินค้ากลุ่มแรก (early harvest scheme) จำนวน 82 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547 และสินค้าที่จะนำเข้าสู่การเจรจาต่อไปนั้นมี 5,000 กว่ารายการ ทั้งนี้ ยอมรับว่าแม้จะเปิด FTA แต่ผู้ส่งออกต้องพบอุปสรรค เช่น หากส่งสินค้าข้ามมลรัฐต้องเสียภาษีเพิ่ม และอินเดียมีโครงสร้างภาษีที่ซับซ้อน คือ นอกจากจะมีภาษีนำเข้าแล้ว ยังมีเซอร์ชาร์จ ภาษีพิเศษ และภาษีขายอีก ต้องยอมรับว่า FTA ไม่สามารถขจัดอุปสรรคในการส่งออกทั้งหมดได้ แต่กระทรวงพาณิชย์จะพยายามรวบรวมปัญหาที่ผู้ส่งออกพบเพื่อแก้ปัญหาในแง่ตลาด คนอินเดียนิยมสินค้าจากต่างประเทศ แม้แต่ยาสีฟันยี่ห้อเดียวกัน หากผลิตในอินเดียและไทย เขาจะเลือกที่ผลิตในไทย เพราะเชื่อว่า คุณภาพดีกว่า


           อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกไทยต้องคำนึงถึงรสนิยมของคนอินเดียด้วย สินค้าที่มีโอกาสในตลาดอินเดีย เช่น อาหาร เงาะ มังคุด เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนอิเล็ก ทรอนิกส์ สินค้าตกแต่งบ้าน ด้านมุมมองของนักลงทุนอย่างนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ระบบราชการในอินเดียเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติมาก แต่ในทางปฏิบัติจริง หากไม่มีผู้ร่วมทุนอินเดีย จะหาข้อมูลต่างๆ ได้ลำบากมาก วิธีที่เรา ใช้คือ เทกโอเวอร์บริษัทท้องถิ่นมา 1 เดือนแล้ว จนถึงตอนนี้เราประมูลงานได้ 4 งาน มูลค่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทท้องถิ่นแห่งนี้มีข้อมูล ทำให้การรับทราบข้อมูลในการประมูลงานต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีของไทยที่จะเข้าไป แต่ก่อนจะเข้าไปต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน


       การก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมที่เขาส่งเสริม แรกๆ ควรเข้าไปตั้งเป็นเลซองออฟฟิศก่อน หลังจากนั้นพอประมูลได้จึงตั้งเป็นโปรเจ็กต์ออฟฟิศ แต่หากต้องการเข้าไปทำธุรกิจต่อเนื่องควรตั้งเป็นบริษัทท้องถิ่นโดยทำเป็นบริษัทร่วมทุน หรือตั้งเป็นบริษัทอินเดียให้ไทยถือหุ้นได้ 100% เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดส่งกำไรกลับได้ โดยเสียภาษี 42% ด้านคนงานสามารถนำเข้าจากไทยได้ แต่คนงานรวมถึงวิศวกรของอินเดียคุณภาพดีและค่าจ้างต่ำกว่า สำหรับอุตสาหกรรมประมงซึ่งไทยถือเป็นผู้เชี่ยวชาญนั้น นับว่ามีโอกาสสูงในอินเดียเช่นกัน โดยนายประพันธ์ หล่อรัตน์วิไล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิษฐภาดา จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเราเข้าไปลักลอบจับสัตว์น้ำในน่านน้ำเขา แต่หากเขาเปิดโอกาสน่าจะเข้าไปร่วมทุนกับเขา เพราะทรัพยากรธรรมชาติในทะเลของอินเดียเยอะมาก นอกจากนี้ อินเดียยังมีกำลังการบริโภคในประเทศสูง และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขากำลังจะหันไปเน้นไอที ซอฟต์แวร์ ซึ่งจะทำให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้นมาก และเมื่อกฎระเบียบต่างๆ ผ่อนคลายมากขึ้น จะทำให้คนเริ่มมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น


        ตรงจุดนี้จะเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทย อินเดียมองจีนเป็นต้นแบบ อินเดียเร่งสร้างถนน ด้านไอทีเขารีครูตคนเข้ามา ขณะเดียวกันเขายกระดับชุมชนเมือง เพราะการทำมากๆ จะง่ายต่อการเทรน         เมื่อรายได้เขาดี แล้วเราเข้าไปจะได้ประโยชน์มาก อินเดียต้องการปรับระบบการจัด การเมืองต่างๆ ซึ่งแต่ละเมืองจะมีอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น จึงทำให้มีการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ อาหาร เป็นช่องทางให้คนไทยสามารถส่งออกไปได้ ประเด็นที่นักลงทุนกังวลว่าความแตกต่างของอินเดียจะเป็นอุปสรรคของการลงทุนนั้น มีเคล็ดลับคือ ให้ศึกษาข้อมูลไปก่อนและควรเข้าไปเป็นโปรเจ็กต์ เตรียมพร้อมในทุกด้าน เชื่อว่าจะสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก


 ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 18 พฤศจิกายน 2547




-- Edited by Bollywood2Thai at 13:32, 2005-04-05



-- Edited by Bollywood2Thai at 23:20, 2005-04-05

__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard