Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: คลี่ส่าหรี ขี่รถไฟ


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
คลี่ส่าหรี ขี่รถไฟ
Permalink   


      เมื่อพูดถึงอินเดีย หลายคนนึกถึง ทัชมาฮาล หนังอินเดีย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่แดนภารตะแห่งนี้ยังมีความน่าระทึกอีกสิ่งหนึ่งคือ รถไฟอินเดีย

     เส้นทางรถไฟที่ตัดกันไปตัดกันมาทั่วประเทศเป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ อย่างหนึ่งเช่นกัน

     เส้นทางรถไฟที่ทอดตัวคดเคี้ยวในทุกพื้นที่ ก่อให้เกิดคำถามว่าการจัดการกับม้าเหล็กให้แล่นไปตามตารางเวลา ไม่ให้มาประสานงากัน คงเป็นเรื่องยุ่งยากน่าดู

     การรถไฟอินเดีย เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ปี 2395 หรือเมื่อ 151 ปีมาแล้ว โดยข้าหลวงอังกฤษที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องรถไฟจากแผ่นดินแม่

     รถไฟสายแรก ความยาว 1,300 ไมล์ ทอดตัวจากเมืองชายแดนทางทิศตะวันตกไปยังทิศเหนือ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดของประเทศนี้ ทำให้ผู้โดยสารเลือกเดินทางกลางคืน เพื่อหนีความร้อน

     กระทั่งอีก 46 ปีต่อมา การรถไฟอินเดียเริ่มมีเส้นทางที่ยาวไกลมากขึ้น จึงเกิดความคิดว่า ควรทำให้การเดินทางด้วยวิธีนี้ 'ใหญ่โตกว้างขวาง และสะดวกสบาย'

     ปัจจุบันการรถไฟอินเดีย มีภาระรับใช้ผู้โดยสารมากถึง 4,000 ล้านคนต่อปี และต้องบรรทุกสิ่งของมากถึง 270 ล้านตัน บนเส้นทางเครือข่าย รวมความยาว 38,000 ไมล์

     การท่องเที่ยวในอินเดีย โดยใช้เส้นทางรถไฟ เป็นเหมือนการย้อนประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของยานพาหนะม้าเหล็ก แห่งชมพูทวีป

     เส้นทาง นิวเดลี ปลายทางเมืองไจปู เมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของอินเดีย เริ่มต้นที่สถานีรถไฟกรุงนิวเดลี ที่เต็มไปด้วยความพลุกพล่าน แม้เวลาในขณะนั้น จะยังไม่รุ่งสางดี แต่ชีพจรชีวิตของคนที่นี่ ดูจะเต้นอยู่ตลอดเวลา

     ขั้นตอนการซื้อตั๋วรถไฟชั้น 1 ในอินเดีย ก็ไม่ยุ่งยาก เข้าไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าจะไปไหน จากนั้นก็กรอกแบบฟอร์ม ซึ่งข้อมูลที่การรถไฟอินเดียต้องการ ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เพศ นอกนั้นก็รายละเอียดเที่ยวรถ จุดหมายปลายทาง

     หลายคนคงเกิดความสงสัยว่า แค่จะขึ้นรถไฟทำไมต้องใส่ข้อมูลมากมายเพียงนี้ ได้คำตอบทีเล่นทีจริงจากเจ้าหน้าที่ ว่า "เผื่อเกิดอุบัติเหตุจะได้รายงานถูก" ฟังแล้วก็ใจหาย จะจริงเท็จประการใดไม่แจ้ง แต่ถ้าจะให้ดี ไม่ควรมีอุบัติเหตุนั้นแหละวิเศษเลย

     ได้เวลาขึ้นรถ ไม่นานพนักงานก็เริ่มเสิร์ฟถาดอาหารที่ประกอบด้วย กระติกน้ำร้อน ถ้วยน้ำ ชา และแซนด์วิช โดยทั่วไปเมื่อเจออาหารที่มีไส้ นักกินมักอยากรู้ว่าไส้อะไร

     ไม่ทันได้เปิดออกดู พนักงานหนวดงาม หน้าเข้มผิวคล้ำ ท่าทางดุดันแต่มีใจในงานบริการ ก็เฉลยว่าเป็นแซนด์วิชมังสวิรัติ เหมือนกันหมด เพราะช่วง ตุลาคมของแต่ละปี ชาวฮินดูจะถือศีลด้วยการกินอาหารมังสวิรัติ

      อินเดียก็มีชาวฮินดูจำนวนมาก จึงตัดปัญหาด้วยการเสิร์ฟอาหารเหมือนกันทุกที่

     รถไฟแล่นออกจากใจกลางกรุงนิวเดลลี ที่ผ่านทั้งย่านชุมชนคนยากจน ย่านเศรษฐกิจ และออกสู่ชนบท

     ทิวทัศน์ข้างทาง ชวนมองอย่างเพลินตา แม้ว่าเวลาในช่วงนั้นจะสายแล้ว อากาศข้างนอกร้อนมาก แต่ผู้โดยสารชั้น 1 และ 2 ซึ่งเป็นเพียง 2 ชั้นพิเศษ ที่ติดเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย จึงไม่ยี่หระกับอากาศร้อน ยังคงนั่งจิบชาไปได้เรื่อยๆ

     แต่ผู้โดยสารชั้น 3 ที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ จะเป็นอย่างไรบ้าง ก็สุดจะเดา

     คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางด้วยรถไฟ คือควรเลือกใช้บริการชั้น 1 หรือ ชั้น 2 เท่านั้น เนื่องจากชั้น 3 นั้นชาวอินเดียและสัมภาระจำพวก แพะ ม้า ลา และสิ่งของสารพัด ได้จับจองพื้นที่เต็มหมดแล้ว

     สภาพเช่นนี้ได้เห็นประจักษ์แก่สายตา แล้วด้วยภาพนักพรต แต่งกายสีสันสดใส แปลกตา พร้อมอาวุธประจำกาย อย่าง หอก ดาบ และอาวุธรูปร่างแปลกๆ อีกหลายชนิด มีเรื่องเล่าขานกันว่า นักพรตเหล่านี้เดินทางไปเผยแผ่ศาสนา

     นอกจากนี้ ยังมีครอบครัวหนึ่งที่อุ้มลูกจูงหลานและแพะน้อยตัวหนึ่ง ขึ้นไปบนรถไฟอย่างสบายอารมณ์ เห็นดังนั้นแล้วก็นึกดีใจที่ไม่เห็นแก่ความเสียดายค่าโดยสารชั้น 1 ราคา 470 รูปี หรือราว 500 บาท

     ทันทีที่รถไฟถึงจุดหมาย มีคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ว่าควรจองตั๋วขากลับก่อน มิเช่นนั้นอาจไม่มีที่นั่ง

      ซึ่งก็เป็นจริงดังคำแนะนำนี้ เพราะรถไฟเที่ยวกลับผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่ง ถ้าไม่ได้จองตั๋วไว้ก่อน มีหวังไม่ได้ร่วมขบวนม้าเหล็กที่ผู้โดยสารหลายร้อยคนต่างมีจุดหมายเดียวกัน แต่มีจุดประสงค์การเดินทางต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับ 'ชีพจรชีวิต' ของแต่ละคน



ปราณี หมื่นแผงวารี


http://www.bangkokbiznews.com/weekend/



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard