ทริปด่วนชวนเที่ยวสงกรานต์ # ผ่าหัวใจอินเดีย ๑ ฮาซาริบัค - วาราณศรี - คะจุระโฮ - ออชา Exotic - Excited - Erotic - Romantic ไม่แน่ใจว่าจะได้สมาชิกสักกี่คน แต่ลองอ่านทริปนี้ดูนะครับ ถ้าชอบแล้วยังไม่มีโปรแกรมไปไหนก็ติดต่อมาได้เลย จัดกันยาวนาน คนไปก็ต้องวางแผน ถ้าปีนี้รวมคนไม่ทัน ก็อาจจะเป็นปลายปีโน่นไม่ก็ปีหน้า หรือปีโน้นล่ะครับ คนนำทริป - พี่จันทร์เคียว หรือ อาจจะกลายเป็น จันทรามณีเร็ว ๆ นี้ อิอิสไตล์ทริป - กึ่งแบ็คแพ็ค คนไปต้องพึ่งตนเองได้ในระดับหนึ่ง คนนำไม่เน้นการบรรยาย ควรทำการบ้านไปก่อน แล้วก็โรงแรมที่พัก อาหารก็เป็นแบบพื้น ๆ แต่สะอาดและปลอดภัยครับพุธที่ ๖ เมษาราวบ่ายโมงออกจากดอนเมือง ถึงกัลกัตตาเย็น นั่งรถไปฮาซาริบัค (อาจเป็นรถบัสตรงไปฮาซาริบัค หรือถ้าเป็นรถไฟ จะต้องไปลงที่รานจี แล้วต่อรถบัสไปฮาซาริบัคอีก ๓ ชั่วโมงเรื่องไปรถบัส หรือ รถไฟ รอดูสถานการณ์อีกที) พฤหัส ๗ เมษาถึงฮาซาริบัค เข้าพักที่ Sanskriti Centre พักผ่อนเล็กน้อย บ่ายเตรียมตัวไปหมู่บ้านแต้มสี หอศิลปะที่ยังมีชีวิต ด้วยบ้านดินหลากลวดลาย เปี่ยมสีสันทั่วทั้งหมู่บ้าน ยังเป็นบ้านดินของชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ยังอยู่อาศัยอย่างสุขบ้าง ทุกข์บ้างตามอัตภาพข้อมูลเพิ่มเติมของ http://www.sanskritihazaribagh.com/ศุกร์ ๘ เมษาพรุ่งขึ้น เตรียมตัวไปเที่ยวป่า ดูภาพจิตรกรรมบนผนังหินที่เก่าแก่ราว ๕-๙ พันปีก่อนคริสตกาล งานจิตรกรรมที่สมบูรณ์ยิ่ง เต็มผนังหินของหุบเขา ระหว่างทางในป่า Isco จะผ่านหมู่บ้านแต้มสี รายทางไปเรื่อยๆ ค่ำกลับมานอนที่ Sanskriti Centre เสาร์ ๙ เมษาตื่นสายๆ พักผ่อนเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินทางไกลบ่ายออกเดินทางเข้ารานจี (Ranchi) เพื่อไปจับรถไฟเที่ยว ๒ ทุ่ม มุ่งหน้าไป Varanasiอาทิตย์ ๑๐ เมษาเช้าถึง เมืองวาราณศรี Varanasi หรือที่เรารู้จักดีในนาม พาราณศรี เมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูที่มีเก่าแก่ที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกังก้า (Ganga) แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูพิธี "ปูจา" Pooja หรือ บูชา ที่ทำกันมาแต่โบราณกาลก็ยังสืบทอดกันอยู่ เราจะได้เห็นในทุกเช้า ทุกเย็นพิธีเผาศพริมน้ำของชาวฮินดู การเผาศพแบบง่ายๆ ธรรมดาสามัญๆ บนกองฟืน สามัญธรรมดาจนเราเองนึกไม่ถึง และถึงขั้นแปลก!วันนี้จะพาเดินกันให้หลงเมือง ในความหมายทั้งหลงใหล และ หลงทาง!ด้วยย่านเมืองเก่าริมน้ำกังก้าของวาราณศรีนั้นเป็นทางเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยซอกซอย ให้เราเดินซอกซอนเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนซอกแซก และซุกซน ส่วนจะซุ่มซ่ามหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลงทาง(คนวาราณศรีบอกฉันว่า มาวาราณศรีครั้งแรก ถ้าๆไม่หลงถ้าว่าเข้าไม่ถึงวาราณศรี - แล้วกัน!)พักที่ Ganga Fuji Home - Home Away from Home ที่เจ้าของใจดีมากๆ ไม่รู้คราวนี้จะใจดีทำอาหารให้เราทานอีกหรือเปล่าคงต้องจอให้สาวๆ ไปเจรจาจันทร์ ๑๑ เมษา เช้านี้เราจะล่องเรือ ชมชีวิตริมน้ำของชาววาราณศรี ส่วนใหญ่จะเห็นหนุ่มๆ ทั้งหนุ่มเล็ก หนุ่มใหญ่ มาอาบน้ำกันทุกเช้าทั้งคนนั่งสมาธิ คนมา "ปูจา" คนมาซักผ้า และคนมาหาเหยื่อ - อันหมายถึงนักท่องเที่ยงแบบเราๆ แค่ระวังตัวอย่ารับกระทงดอกไม้ ไม่หลงคารมใครๆ เท่านั้นก็พอแล้ววันนี้โปรแกรมเที่ยวจะสบายๆ หลังจากนั้นเราจะไปเที่ยวที่มหาวิทยาลัย Benares Hindu ศูนย์กลางการเรียนศิลปะ ดนตรี วัฒนธรรม จิตวิทยา และภาษาสันสกฤษตกค่ำ ทานอาหารฟังดนตรี ที่ Ganga Fuji Restaurant บรรยากาศดี ดนตรีแขก :)อังคาร ๑๒ เมษาวันนี้ปล่อยให้เดินกันตามสบาย ใครอยากเดินนับ ghat (ท่าน้ำ) ก็เดินนับได้ไม่มากไม่มายราว ๑๐๐ กว่า ghat เท่านั้นใครอยากนั่งริม ghat จิบมาสซาร่าไช (masala chai - ชาร้อนแบบอินเดีย) เขียนโปสการ์ด หรือคุยกับใครก็ตามสบายใครอยากชอปปิ้ง ก็ระวังกระเป๋าฉีกกันเองจ้า หลังทานอาหารค่ำ เราจะไปจับรถไฟเที่ยว ๕ ทุ่ม เพื่อไปเมือง สัตนา (Satna) มุ่งหน้าไปคะจูระโฮพุธ ๑๓ เมษา(ถ้ารถไฟไม่เสียเวลา) เช้า ถึงสัตนา หาอะไรกินง่ายๆ ต่อรถบัสทันที เพื่อไปคะจูระโฮ อีกราว ๔ ชั่วโมงครึ่งบ่ายถึง Khajuraho เมือง เข้าที่พักก่อน เย็นนี้เราจะเดินเล่น ไปทางหมู่บ้านเก่า (old village)เผื่อจะเจอเพื่อนเก่าที่น่ารักแห่งหมู่บ้านดั้งเดิมพฤหัส ๑๔ เมษาพยายามตื่นให้เช้าที่สุด เพราะวัดกลุ่มตะวันตก (ที่ต้องเสียค่าผ่านประตู) เปิดตั้งแต่ ๖ โมง ช่วงเช้าหลังอาหารเช้า เราจะเดินดูวัดที่อีโรติกที่สุดในโลก อาจจะเดินกันตามอัธยาศัยและเราจะได้ไกด์โดยไม่ต้องจ้างๆ เพราะกลุ่มลุงๆ ป้าๆ ข้างๆ จะมีไกด์อธิบายตลอด เราคอยเงี่ยหูฟังและรอขำอย่างเดียวเสร็จจากกลุ่มวัดตะวันตก หาข้าวกิน ช่วงบ่ายไปต่อกันที่กลุ่มตะวันออกที่อยู่ทางหมู่บ้านดั้งเดิมค่ำๆ ได้เวลาหาซื้อหนังสือ Kama Sutra ที่มีหลากหลายเวอร์ชั่น ทั้งเล่มเล็ก เล่มใหญ่ ทั้งรูป ทั้งคำอธิบาย ฯลฯ :)ศุกร์ ๑๕ เมษาตื่นเช้า หลังอาหาร ออกเดินทางโดยรถบัส ราว ๕ ชั่วโมง เราจะถึงเมืองลับแล Orchha อ่านว่า ออชา เมืองเล็กๆ น่ารัก ที่ถูกอกถูกใจฉันเป็นหนักหนา ค่ำนี้เดินเล่นๆ ก่อน กินลมชมเมือง ส่วนช่วงค่ำ ๑ ทุ่ม ใครอาจจะอยากเข้าไปดูพิธีของชาวฮินดูมีวัดรามราชา อันศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าเราจะเป็นชาวพุทธอันนี้ชาวเมืองใจดีอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะตัวและหัวใจ ส่วนกล้องถ่ายรูปเข้าไม่ได้ค่ะเสาร์ ๑๖ เมษาตื่นเช้ามากินข้าวเช้า แล้วเริ่มตะลุยเดินเที่ยวกลุ่มวังเก่า ที่ต้องเดินข้ามสะพาน ข้ามแม่น้ำเบตวาไปวังเก่าที่เหมาะจะเป็นที่เล่นซ่อนหามากกว่า เดินเลาะไปตามแม่น้ำ ไปดูสุสานของราชาแห่งออชา เดินไปวัดลักษมีที่มองเห็นอยู่ลิบๆ - วันนี้ทั้งวัน เราต้องเดินให้ได้มากที่สุด หลังอาหารค่ำ และบอกลาเมืองออชา เราจะไปจานศรี (Jhansi) เพื่อจับรถไเที่ยวเที่ยงคืน ไปเดลลีอาทิตย์ ๑๗ เมษาเช้าถึงเดลลี ถ้ามีเวลามากพอจะหาที่พักกระเป๋า อาบน้ำ เผื่อใครจะซื้ออะไร ใช้เงินให้หมด ก่อนกลับบ้าน(เพราะดิฉันเองตั้งใจจะหอบหนังสือค่ะ) หลังอาหารค่ำ ราว ๓ ทุ่ม ไปสนามบินเดลลี จันทร์ ๑๘ เมษาบินเที่ยวบินเวลา ๐๐:๕๐ น. เวลาอินเดีย ถึงบางกอกเวลา ๐๖:๒๐ น.ตามเวลาไทยเตรียมตัวไปทำงานจ้า ทริปหน้าเจอกันใหม่๑๒ วัน ๑๒ คืน ราคา 36900 บาทรับไม่เกิน ๑๒ คน (ทริปออก ณ ๘ คน)อินเดียนแอร์ไลน์ - แม้บริการจะแย่ แต่เหตุผลคือบินทุกวัน และมีโอกาสได้ที่นั่งมากกว่าการบินไทย== สำคัญ ==รูปแบบทริป ไปลุยแบบ BackPacker เต็มที่ เดินทางโดยรถไฟ รถบัส ตุ๊กๆ - ส่วนใหญ่ไม่มีเหมารถยกเว้นไปฮาซาริบัคที่ใช้รถไปเที่ยวป่า และเที่ยวหมู่บ้านคุณเหมาะกับทริปนี้ไหมถ้าคุณดูแลตัวเองได้ แบกเป้ตัวเองเดินสบายๆ กินอยู่ง่าย หัวใจเปิดประตู ไม่ติดโรงแรมหรูและดาวคุณก็ไปกับเราได้แล้วจ้ะ *** ตอนนี้ยังไม่ขอลงรายละเอีดยอื่นในการโอนมัดจำ ขอดูรายชื่อท่านที่สนใจก่อนนะครับ ใครสนใจ ลงชื่อกันไว้ได้เลย แล้วเตรียมโอนมัดจำ 20000 บาทเข้ามาได้ (เอาไปซื้อตั๋วกับทำวีซ่าอินเดีย) **