ผู้ที่จะเดินทางไปศึกษาต่อประเทศอินเดียควรศึกษาข้อมูลทั่วไปของประเทศอินเดียและวิธีเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง โดยศึกษาข้อมูลในด้านขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวอินเดีย ทั้งจากหนังสือ หรือสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศอินเดีย
สภาพความเป็นอยู่ของนักศึกษาไทย
ชีวิตความเป็นอยู่ของนักศึกษาในประเทศอินเดียมีวิถีชีวิตไม่แตกต่างจากนักศึกษาในประเทศไทยมากนัก คือเน้นเรื่องการศึกษา และการใช้ชีวิตในวัยเรียน แต่ในเรื่องของวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม ตลอดจนอาหารจะแตกต่างอย่างมาก เช่น คนที่นั่นจะไม่นิยมใส่กระโปรงสั้น (อาจจะเป็นเพราะหุ่นไม่ดีก็ได้) จะนิยมทานมังสวิรัติ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สภาพแวดล้อมตามมหาวิทยาลัย ยังคงความเป็นธรรมชาติ เช่น จะมีสัตว์ชนิดต่าง ๆ อาทิเช่น กระรอก นกเหยี่ยว อยู่ภายในบริเวณของมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนมาก ส่วนในเรื่องของอาหาร นักเรียนไทยจะมีทางเลือกอยู่ คือปรุงอาหารด้วยตัวเองเช่นพักตามบ้านเช่าและรับประทานอาหารเหมือนนักศึกษาอินเดีย เช่นนักศึกษาที่อยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่ปัญหาหลักคือภาษาอังกฤษที่ของนักศึกษาไทยนั่นเอง
ที่พักของนักศึกษาในประเทศอินเดียแบ่งเป็นสามประเภท คือ
หอพักของสถานศึกษา โดยส่วนมาก ทุกมหาวิทยาลัยในอินเดียจะมีหอพักประจำ แยกเป็นหอพักหญิง หอพักชาย แต่ในบางครั้งการสมัครเข้าหอพักจะมีความยากลำบากเพราะมีห้องจำนวนจำกัด การพักอาศัยกับครอบครัวชาวอินเดียไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่การศึกษาในด้านภาษาอังกฤษพิเศษจะนิยมพักกับครอบครัวชาวอินเดีย เพราะประหยัดและปลอดภัยกว่าการพักอยู่โดยลำพังในบ้านเช่าด้วยตนเอง การพักตามบ้านเช่าจะมีทั่วไปตามบริเวณรอบมหาวิทยาลัย ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะมากกว่าการพักหอพัก แต่ก็ข้อดีคือ มีอิสระในการใช้ชีวิต และมีสภาพที่ดีกว่า
การจัดเตรียมสัมภาระ หนังสือเดินทาง ( Passport) ควรตรวจสอบอายุ (อายุใช้งาน เหลือ ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ) ก่อนการเดินทางให้เรียบร้อย โดยหนังสือเดินทางจะต้องประทับตราวีซ่า จึงจะออกนอกประเทศได้ ตั๋วเครื่องบิน ควรตรวจสอบวัน-เวลา-เที่ยวบิน และสายการบินก่อนการเดินท าง เอกสารทางการศึกษา ( Transcript) พร้อมสำเนา เอกสารยืนยัน การตอบรับจากสถาบันการศึกษา ในประเทศอินเดีย ซึ่งเอกสารเหล่านี้ต้องทำสำเนาไว้ที่บ้าน 1 ชุด เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน เสื้อผ้าควรซื้อจากเมืองไทย เพราะราคาที่อินเดียคุณภาพอาจจะสู้ประเทศไทยไม่ได้ และบางทีอาจจะหาขนาดของเสื้อผ้ายากหากเป็นคนตัวเล็ก ถ้าไปอยู่ในเมืองที่มีอากาศหนาวควรเตรียมเสื้อกันหนาวที่สามารถกันลมได้ด้วย และควรเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ๆ โดยเตรียมเสื้อผ้าสำหรับงานพิธีการ (โดยเฉาะนักศึกษาที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆจะมีพิธีที่สถานทูตทุกวันสำคัญของชาติไทย) ตำราเรียน ควรนำติดตัวไปเฉพาะที่จำเป็น เช่น พจนานุกรม หรือ Talking Dic เป็นต้น เงินสด ควรเตรียมติดตัวสำหรับค่าใช้จ่ายประมาณ 2 เดือน เผื่อฉุกเฉิน ยาประจำตัวหากต้องมียาติดตัวประจำควรให้แพทย์เขียนฉลากเป็นภาษาอังกฤษหรือออกใบรับรอง เครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถนำจากเมืองไทยไปใช้ที่อินเดียได้ แต่อาจจะต้องเปลี่ยนปลั๊กไฟเป็นแบบขากลม แต่ระบบไฟฟ้าก็เช่นเดียวกับประเทศไทย
การแสดงสัมภาระสิ่งของ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศอินเดียทุกคน จะได้รับแบบฟอร์มใบเดินทางเข้าประเทศ (Arrival Form) และใบสำแดงสัมภาระ ( Declaration) บนเครื่องบิน โดยต้องกรอกข้อมูลต่างๆ ตามความเป็นจริงว่า ได้นำสิ่งใดมาบ้างซึ่งต้องตรวจเอกซเรย์ แต่ถ้าไม่นำสิ่งที่เป็นอันตราย เช่น อาหารไทย หรือเครื่องใช้ส่วนตัว ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจ แต่โดยส่วนมากจะถูกตรวจเพื่อความปลอดภัยของนักศึกษา แต่หากนำเครื่องอิเลคโทนิค ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีทัศน์ จะต้องแสดงรายการต่อเจ้าหน้าที่
การตรวจสุขภาพควรจะตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง เพราะการรักษาที่อินเดียนักศึกษาอาจจะไม่คุ้นเคยกับยา หรือหากมีโรคประจำตัวนักศึกษาจะได้ทราบว่าควรจะนำยาชนิดใดไปบ้าง เพราะยาที่นั่นอาจจะไม่ถูกกับสุขภาพของตัวเอง ยาที่ควรนำติดตัว ได้แก่ ยาแก้ไข้ แก้ปวด แก้ท้องเสียยาทาผิวหนัง ยาหม่อง เป็นต้น
วิธีการและหลักฐานในการขอวีซ่าเมื่อสถานศึกษาในอินเดียได้มีหนังสือตอบรับนักเรียนแล้ว ให้นักเรียนไปขอแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าซึ่งแบบฟอร์มขอรับได้ที่ ศูนย์เรียนอินเดีย หรือสถานทูตอินเดีย (สุขุมวิท 23 ) แล้วกรอกแบบฟอร์มซึ่งทางศูนย์จะให้คำแนะนำและดำเนินการในเรื่องวีซ่าเพื่อความสะดวกของนักศึกษาซึ่งการขอวีซ่านั้นนักศึกษาไม่ต้องแสดงหลักฐานทางการเงิน
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า
หนังสือเดินทาง (ต้องมีอายุใช้งานเหลือตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป) แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า ภาพถ่าย 2 ใบ ขนาด 2 นิ้ว หนังสือตอบรับของสถานศึกษาพร้อมภาพถ่าย 2 ฉบับ