Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: อินเดีย นิวเดลี / อัคคระ


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
อินเดีย นิวเดลี / อัคคระ
Permalink   


พาเที่ยว...อินเดีย นิวเดลี / อัคคระ
...โดดเดี่ยว ในอินเดีย
ฉันตัดสินใจไปอินเดีย ในขณะที่เขารบกันในอัฟกานิสถานใกล้กับ อิน เดียดีว่าไม่ถูกบินลาเดน หรือสมุนลากตัวไป ทำมิดีมิร้ายอาจเกิด เรื่อง รักระหว่างรบ หรือรักในดงแขก มาให้ อ่านกันเพลิน ๆ มีเพื่อนแขกเยอะมาก จะไป อินเดียหลายครั้งแต่ไม่มีโอกาส ครั้งนี้เพื่อน สุดที่รักของฉัน กล่อมฉันได้สำเร็จ วาดภาพไว้หรูหรา จึงหอบเสื้อผ้า ไป กับเขาเฉยเลย ฉันใจง่ายมาก? ไปอินเดียครั้งนี้ฉันถูกทิ้งให้โดด เดี่ยวในอินเดียกับบอดี้การ์ดหนุ่มแขกกับคนรถแขก เท่านั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า ฉันควรจะ “ตีแขก” หรือ “ตีเพื่อน” ดี?สายการบินแขก สุดแพงสุดโหดแต่บริการดี เครื่องบินใหญ่ อาหารพอได้ พาฉันเหินฟ้ามาลงกรุงเดลลี ประเทศอินเดีย พร้อมกับเพื่อนสุดที่รัก (มาก) แต่หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างไป ฉันก็ มีบริษัททัวร์ที่นั่นมารับนัดกันไปเจอที่โรงแรมที่พัก ไม่ได้ไปด้วยกัน เนื่องจากมีบริษัททัวร์มารับเพื่อนไปถ่ายทำรายการ ตอนนั้นฉันคิด ว่าระยะทางไปสนามบิน คงไม่เลวร้ายเหมือนในหนัง ความปลอดภัยคงมี และเราก็เชื่อใจคนที่มารับเช่นกันแม้ว่าจะมีผู้ชายอินเดีย มามองฉันมาก มายเหมือนตัว ประหลาดและก็เรียกให้ใช้ บริการรถแท็กซี่ ฉันยืนรถรถที่ลานจอดรถ พร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็กทุกคนแถวนั้นมองฉัน

หนุ่มอาซาฮิ (ASHAHI) หนุ่มหน้าตาดี สุภาพมารับฉัน แล้วก็บอกว่า “พรีสทรัสมี” เชื่อใจผมเถอะ ฉันคิดว่าวันแรกในอินเดีย ฉันได้พบเพื่อนใหม่ที่ดูซื่อ ๆ และสุภาพ หลังจากถูกคน “ทิ้ง” ที่อินเดียให้ไปคนเดียว เขาพาฉันไปส่งที่โรงแรมที่พักระยะทางที่มาก็ดูดี เมืองแขกไม่สกปรกและทุกอย่างดูเจริญกว่าคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ ที่เคยไปเรียนที่อินเดียสมัยก่อน ก่อนมาอินเดีย ทุกคนเหมือนกับว่า ฉันจะรบที่อัฟกานิสถานหยังไงหยั่งงั้น?เขาอยากจะเทคแคร์ พาฉันไปเที่ยว หน้าตาดูน่าไว้ใจ เมื่อมาถึงโรงแรม ฉันเข้าเช็คอิน แล้วนัดเขามารับตอนเช้า ใช่...ฉันก็คือฉัน ที่ไม่เคยหนีอะไรจะเกิดก็เกิด ตกกะไดพลอยโจน มาถึงแล้วก็เที่ยวคงไม่เลวร้ายสำหรับผู้หญิงคนเดียวที่มาเที่ยวในอินเดีย เพราะฉันเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตามพิทักษ์และดูแลฉันเสมอ คงไม่ทอดทิ้งฉัน
เทพประจำตัวฉันคือนั้นฉันสวดมนต์และหลับอย่าง โดดเดี่ยวในกรุงเดลี ประ เทศอินเดีย เช้ามาเขามารับฉันตามที่นัด วันนี้เขาดูหล่อและดูดีกว่าเมื่อคืน ฉันรู้สึกไว้ใจ เชื่อใจ ฉันก็เที่ยวที่เดลลีอย่างคนมั่นใจ

แม้ว่าจะไม่มีเพื่อนก็ตามอากาศที่อินเดียร้อนเหมือน บ้านเราสอง ข้างทางเงียบเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ เรา ก็มาถึงอินเดียแล้วนะค่ะ เดลลีเป็นเมืองหลวงของอิน เดีย ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ ออฟฟิศ ที่นี่ก็ปิดหมด ประธานา ธิบดีของเขาชื่อ นาริยัน แต่คนที่โด่งดังมาก คือนางอิน ทิรา คานธี ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และทายาทคือ ราจิป คานธี เสียชีวิตไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ประวัติเรื่องการ เมืองของอินเดียสนุกสนาน และน่า ปวดหัวเลยต้องขอตัดตอน เล่าถึงอินเดีย ปัจจุบัน ดีกว่าอินเดียมีเมือง หลวงที่ชื่อกรุงเดลลี มีประวัติ ความเป็นมานาน มากกว่า 5,000 ปี จักรพรรดิ คือพระเจ้าซาห์ซะฮาน ได้ย้ายเมืองหลวงจาก อัคคระ มาที่เดลลี สร้างความ รุ่งเรืองให้ ต่อมาอังกฤษได้สร้างเมืองหลวงใหม่ชื่อ นิวเดลลีการวางผัง เมืองสวยงามด้วยศิลปะอินเดียกับอาหรับและตะวันออกและตะวันตก คนฮินดูมีมากกว่า 83% มีอิสลาม ซิกส์ คริสฯ หลายเผ่าพันธุ์นับถือเทพเจ้า พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ พระรามและพระกฤษณะ คนที่จะนับ ถือมากถือว่าเป็นอวตารของพระวิษณุ ประชากรทั่วประเทศ 1000 ล้านคน โดยเฉพาะที่เดลลีนี่ก็ 10 ล้านคนเข้าไปแล้ว เนื้อที่ทั้งหมดของ ประเทศ
15320 KMS.ได้รับเอกราชเมื่อ 15 สิงหาคม 1947 สัญลักษณ์ประเทศ คือนกยูงส่วนดอกบัวเป็นดอกไม้ประจำชาติ ภาษาที่ใช้คือฮินดูและอังกฤษ ฉันผ่านวัดฮินดูที่นี่สวยงามมาก มิสเตอร์ อาซาฮี จะพาเราไปเที่ยววัดเรียก ว่า Billa Temple ไม่ใช่บิลลาเดนนะคะ ตอนนี้เราก็ผ่านรัฐสภา ที่นี่สวย งามมาก

ในประวัติเค้าเล่าว่า ออกแบบโดย สถาปนิก ที่มีชื่อเสียงมูลค่าล้านเหรียญรูปีส์ เป็นสถาปัตย กรรมอาหรับ ผสมผสานกับตะวันตก อินเดีย เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ อาคารรัฐสภา หรือราษฎรปติภวัน หรูหราสวยงามบนเนิน
เขาออกแบบโดย EDWIN LUTYEN ผู้มีชื่อเสียงหลังจากนั้นฉันได้มาที่อินเดียเกต ก็เป็นซุ้มประตูมีต้นไม้ ปลูกเต็มไปหมด ตอนเย็น ๆ ก็มีเด็กมาเล่นคลิกเก็ท ถนนหนทางในอินเดีย ณ ปัจจุบันนี้ดูสะอาดมาก ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่จะสกปรก และมีแต่ขอทาน เต็มถนนเลย ตอนนี้เราผ่านมาที่อินเดียเกตดู ๆ ไปแล้วจะเหมือนประตูชัย ที่ฝรั่งเศสสวยงามมากสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารในสมัย สงคราม โลก ครั้งที่ 1 สร้างขึ้นใน ค.ศ.1941 เพื่อเป็นอนุสรณ์ วันนี้ผู้คนเยอะมาก ไม่ว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็จะออกมานั่งพักผ่อนชมวิวกันที่นี่
ภายในซุ้มนี้ จะมีน้ำไหลเป็นทางเล็ก ๆ มองดูแล้วคล้ายสวนลุมบ้านเรา กีฬายอดฮิตของคน ที่นี่รู้สึกจะเป็นคลิกเก็ท ตอนนี้เราก็วนออกมาคนขับรถใจดีมาก เราอยากจะ ถ่ายรูปที่ไหนเค้าก็จะแวะจอดให้ถ่าย ที่นิวเดลลีคนเยอะมาก อากาศหรือ อุณหภูมิก็พอ ๆ กับบ้านเราประมาณ 30 องศา เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาเห็นคน ใส่เสื้อแจ็กเก็ตนึกว่าอากาศจะหนาว ดีนะที่วันี้แนนใส่เป็นแบบเสื้อกั๊ก คิดไปคิดมาเที่ยวคนเดียวก็สนุกดีเหมือนกัน ไปไหนมาไหนเค้าก็มีรถรับส่งให้เรา มิสเตอร์คานก็เป็นเอเย่นต์ใหญ่ที่นี่ทริปนี้เราก็ได้ทาง MR.O PRAKASH ช่วยจัดการให้ พรุ่งนี้เราก็ไปดูทัชมาฮาลที่อินเดียเกต นี่ก็มีนายทหาร ประมาณ 9 หมื่นคนได้พลีชีพเมื่อปี 1941 ซึ่งก็ได้สร้างเป็น อนุสรณ์ให้ทหารพวกนี้ ซึ่งฉันก็ได้ไปถ่ายรูปมา เดิมอ้อมวนไปวนมา ซะเหนื่อยเหมือนกัน ตอนกลางคืนของอินเดียเกตนี่มองแล้วจะสวยมาก


จะมีการฉายสปอตไลน์ สวยงามมากแต่ นี่มากลางวันเลยร้อนไปนิดนึง เวลาสวัสดี ที่นี่จะเรียกว่า “นามัสเต” และขอบคุณจะเรียกว่า “คาเนว่า” ถ้าจะไปกินข้าวเรียกว่า “เบทตะ” แล้วถ้าจะไปแล้ว จะเรียกว่า “ซันเดเฮ” แต่ถ้าจะมีการสวัสดีกันทั้งวัน ก็จะใช้ “นามัสเต” ได้เลย
ฉันเห็นมีการยืนประท้วง กันที่หน้าประตู อินเดียเกต เป็นการประท้วงต่อต้านสงคราม ก็มีตำรวจยืนห้ามกันจ้าละหวั่น ก็เป็น ภาพที่น่าตื่นเต้น เหมือนกัน แนนเลยไม่กล้าลงไปถ่าย รูปกลัวโดนลูกหลง อินเดียก็มีการแบ่งเขตการปกครองเหมือนกัน มีการแบ่งว่าตึกนั้นเป็นของคนโน้นตึกนั้นเป็นของคนนี้ คล้ายกับบรูไน
และวังสุลต่านเหมือนกัน ตอนแรกก็เลยสงสัยว่าทำไมมีวังใหญ่โตด้วย ก็เลยมารู้ว่าเป็นวังของสุลต่าน อินเดียเค้ามีเศรษฐีรวย ๆ เช่นกันไม่ใช่คนจนเสียทั้งหมด มีการแบ่งชั้นวรรณะเช่นเดิม
ฉันได้ชม National museum เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ซึ่งข้างในเก็บของเก่าไว้มากมายประมาณ 1000 กว่าปี ภายในจะมีการแสดง นิทรรศการ ของประเทศภูฐานที่แสดงถึงความ เป็นอยู่อารยธรรม เริ่มตั้ง แต่เมโสโปเตเมียตลอดจนถึงอารยธรรมของจีน ภายในมีรูปปั้นต่าง ๆ มากมาย มีรูปปั้นที่แสดงถึงพระศิวะ วิษณุ นารายณ์และพระอุมา รามายาณะ

การแสดงถึงความเจริญยุคก่อนถึงปัจจุบันประเทศภูฐาน ติดกับอินเดียและจีน เป็นรัฐอิสระ มีบ้านอยู่บนภูเขา และสถาปัตยกรรม จีนและอินเดีย ผสมผสานกัน เขาโปรโมทการท่องเที่ยวของเขา มีชาวต่างประเทศเข้ามาน้อยมาก เนื่องจากข่าว สงครามอัฟกานิสถาน กับอเมริกัน เชื้อแอนแทรกส์ส่งมาจากอินเดีย พอข่าว นี้แพร่ไปนักท่องเที่ยว เลยไม่มา อินเดียเลยเงียบเหงา ฉันเลยไม่กล้า กินน้ำหรืออาหาร ริมถนน ซื้อน้ำแร่กินทุกวันค่าเงิน1 บาทเท่ากับ 1.3 รูปีส์แต่ถ้าใช้ดอล ลาร์ แลกก็ได้ 47 รูปีส์ฉัน ได้ลิ้มรสอาหารอินเดีย ที่ร้านอาหารอินเดีย มีมาร์คั่น แป้งโรตี แล้วก็ไก่ อาหารอินเดียอร่อยมาก น่าทาน อร่อยที่นี่ จะเรียกว่า “ชวาเด่ะ” ส่วนกินข้าวเรียกว่า “คาเด่ะ” เสร็จจากนี้เราก็จะไปที่อัค คระไปดูทัชมาฮาล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ชุดประจำชาติของ ผู้หญิง อินเดียที่ใส่เรียกว่า “ซันวาสุท” จะมีเสื้อแขนยาวและกางเกง ส่วนนักธุรกิจ ของเขาก็จะแต่งตัวดี ๆ อินเดียมีอยู่ 28 รัฐ ตอนนี้เรากำลังไปที่อัคคระ เป็นแถบชานเมือง

พวกผู้คนที่นี่ ส่วนใหญ่ก็ทำมาหากินไปตาม เรื่อง สองข้างทางก็จะมองเห็นการ ใช้ชีวิต ประจำ วันของเขาแต่ที่เห็นเด่น ชัดคือบ้านเมือง ของเขาสะอาดขึ้นกว่า แต่ก่อนมาก ไม่หลง เหลือร่องรอยของเมื่อก่อนนี้ไว้ให้เห็นเลย เมื่อกี๊ที่ผ่านมาก็เห็นมีคนยืนชกต่อยกันประชาชนก็ยืนมุงดูเป็นแถวเลย พูดถึงอาหารที่ทานตอนกลางวันวันนี้อร่อยมาก
เป็นเหมือนคล้าย ๆ แกงมัสมั่นบ้านเรา ทานกับแป้งโรตีร้อน ๆ โรตีที่ทานที่บ้านเค้าจะไม่เหมือนที่บ้านเรา คือ เวลาทานเค้าจะเอาแป้งใส่
ภาชนะร้อน ๆ มาให้ทาน อร่อยมากทางที่ไปอัคคระ ชาวบ้านก็จะนำของ มาขายเยอะมาก ผลไม้ของที่นี่ดัง ๆ ก็จะมีองุ่น แอปเปิ้ล กล้วย ส่วนอากาศที่นี่ช่วงเช้าก็จะเย็น ช่วงบ่ายก็จะร้อน นี่ก็จะเริ่มเย็นอีกแล้วค่ะ ไปที่อัคคระก็จะใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ประชากรอัคคระจะมีประมาณ 2 ล้านคน ส่วนบอมเบย์จะมีประชากรอยู่ไล่ ๆ กันแต่รวมแล้วที่อินเดีย จะมีประชากรประมาณ 1000 ล้านคนจึงทำให้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะกัน ผู้หญิงก็ต้องไปขอผู้ชาย แล้วก็ไม่ค่อยได้ออกไปทำงานนอกบ้าน ถ้าพวกที่ ออกไปทำงานคือพวกที่มีความรู้หน่อยเท่านั้นเอง มองไปทางไหนจึงเจอ แต่ผู้ชายอยู่เต็มเมือง ตอนนี้นักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่น้อยมาก

เนื่องจากตอน นี้เกิดสงครามระหว่างบิลลาเดนกับอเมริกา เพราะพื้นที่ของ อินเดีย อยู่ติดกับปากีสถาน เนปาล จึงทำให้นักท่องเที่ยวลดลงอย่างน่าใจหาย อาจเกี่ยวเนื่องจากการที่มีข่าวเกี่ยวกับเชื้อแอนแทรคด้วยก็ได้ แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นมีอะไร เหตุการณ์ก็เป็นปกติ ดิฉันแซวว่าไม่กลัวโดนระ เบิดเหรอ เค้าก็บอกว่าแหมอยู่ไกลกันตั้งเยอะ ไม่มีอะไรหรอก แต่มานี่ฉันก็พยายามทานแต่น้ำแร่ไม่ทานน้ำริมถนน ส่วนอาหารนั้นก็ทาน ในภัตตาคารเพื่อความปลอดภัยสองข้างทางก็มีหมู่บ้านอยู่ เรียกว่า หมู่บ้าน มัทราช อัคคระนี่ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวของอินเดีย อินเดียมีเมืองหลวงชื่อ นิวเดลฮี ได้รับเอกราชเมื่อ ค.ศ.1547 และก่อตั้งขึ้นเป็นสาธารณรัฐ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2950 มีพื้นที่ 15320 ตารางกิโลเมตรพื้นที่ของเขาจะ ประกอบ ด้วยภูเขาเยอะมาก เช่นมารยัน โคลาโคลัม เพียพัน-จา ซิโลวา อารายิ โอ๊ย เยอะมากแล้วธงของเขาก็จะมี 3 สีเหมือนของเขา ที่นี่มีวัดฮินดู อยู่มากมาย ประมาณ 83% นอกนั้นก็จะเป็นคริสต์ ซิกต์ พุทธ สัญลักษณ์ สัตว์ประจำ ชาติของพวกเขาก็จะเป็น เสือ ส่วนดอกไม้ประจำก็จะเป็น โลตัส (ดอกบัว) นำประจำชาติก็จะเป็นนกยูง ภาษาที่ใช้คือภาษาฮินดี้, และภาษา อังกฤษ นอกจากนี้ยังมีภาษาอื่นอีก คันนาดา อินดิ จุละนาติก และมีอีกหลาย ภาษาประมาณ 15 ภาษา นอกจากนี้ยังมีวันสำคัญมากมาย อินเดียมีประธา นาธิบดีชื่อ ปราเจนดร้า นีรายัน นอกจากนี้ยังมีนายกรัฐมนตรีชื่อ จาวาฮ่า ราเนรูล ซึ่งเค้าก็จะมีทั้ง ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี ส่วนคนที่มีชื่อเสียงของเค้าก็คือ นางอินทิรา คานธี



ที่นิวเดลฮี จะมีเนื้อที่ 1829 กิโลเมตร ส่วนอากาศจะอยู่ประมาณ 42 องศา-32 องศา หน้าร้อน ส่วนหน้าอากาศสบายคือ
ตุลาคม-มกราคม 22-4 องศา ส่วนหน้าหนาว จะอยู่ที่ประมาณ (-2 องศา) ช่วงที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะจะเป็นช่วง กรกฎาคม และสิงหาคม วันนี้เป็นวันที่ 4 พ.ย. เราก็เห็นผู้หญิงที่นี่นุ่งห่มผ้าสาหรีกัน ผู้นำทางเรา ก็บอกว่าวันนี้เค้าทำพิธีขอพรกัน เพื่อให้สามีรัก วันนี้เป็นวันของภรรยา Wife days เป็นประเพณีที่ เขาปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นการขอพรจากพระจันทร์ เพื่อทำให้สามีรักนี่ก็เป็นประเพณีแปลก ๆ อีกอย่างที่ เค้าทำกันมา ตอนนี้เราก็มาถึงอัดคระแล้ว รู้สึกว่า จะเป็นเมืองที่วุ่นวาย พอสมควร ทั้งคนทั้งรถ เยอะไปหมดโอ๊ย! ปวดหัวบีบ แตรให้วุ่นวายตอน นี้เราเห็นรถแท็กซี่บ้านเค้าเหมือนตุ๊ก ๆ บ้านเรา แต่ที่นั่งเขาทำให้กว้าง ทำให้ดูนั่งสบาย คนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ยังยากจนอยู่ เมืองนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองท่อง เที่ยว Fateva road เป็นถนนย่านชอปปิ้งที่สำคัญ มีทั้งรถตุ๊ก ๆ ของอินเดีย หรืออินเดียตุ๊ก ๆ มีทั้งคนจนและคนรวยเต็มไปหมด คนจนก็จะถีบจักรยาน กันไปตามท้องถนน ส่วนพวกคนรวยก็จะนุ่งห่มสาหรีกันเดินเต็มท้องถนน แต่มองดูแล้วคนจนก็จะเยอะกว่าคนรวย เมื่อกี๊เราได้ผ่านตลาด มาเหมือน ประตูน้ำบ้านเรา แต่เมื่อขอลงไปดูเค้าก็บอกว่าอย่าเลย เพราะมันไม่ปลอด ภัยถ้าจะซื้อเค้าจะพาไปซื้อที่ main street ดีกว่า เค้าดูแลเราได้ดีมาก สงสัยกลัวว่าจะโดนฉุดไปแน่เลย

ที่นี่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษ เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่เค้าใช้อยู่จะเป็นภาษาแขกหรือฮินดี้ มีทั้งสามล้อ จักรยานวิ่งกันเต็มไปหมด ส่วนเรื่อง เวลาที่จะเร็วกว่าเราชั่วโมงครึ่ง อย่างเมื่อ เช้านี้ฉันตื่นมาเก้าโมง ก็รีบตาลีตาเหลือก เพราะว่านัดกับคนขับรถไว้ตอน 10 โมงแต่ที่ไหนได้มาดูเวลาอีกทีพึ่งจะ 7 โมงครึ่ง ก็เลยขึ้นไปนอนต่อ ฉันถึงอัคคระก็เย็นแล้ว ทางผู้นำทางของเราก็เลยพาเข้า เช็กอินที่โรงแรมชื่อ Chark Chale เป็นโรงแรมที่ใช้ได้ทีเดียว ตอนนี้เราก็เข้าไปในห้องพัก ก็คิดว่าคืนนี้คงจะไม่ออกไปไหน กลัวเชื้อแอน แทรกส์ ก็เลยสั่งน้ำร้อน เข้ามาทานแล้วมื้อนี้ก็คงต้องเป็นมาม่าเหมือนเดิม ก็เป็นอันว่าวันนี้ เราได้ ชมเมืองอัคคระ โปรแกรมต่อไปในวันพรุ่งนี้คิดว่าจะไปชมทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มาอินเดียเที่ยวนี้ก็เหมือน ตกกะไดพลอยโจรยังดี ที่มีเอเย่นต์ที่นี่คอยดูแล ซึ่งจริง ๆ แล้วเรามากะเพื่อนแต่เพื่อนก็แยก ไปอีกคันนึง เราก็แยกมาอีกคันนึง ไม่ได้เจอกัน เราคิดว่ามาที่นี่เหมือน ถูกทอดทิ้ง ไม่รู้สิอาจเป็นเพราะว่า เราติดเพื่อนด้วยมั๊ง เค้าชวนมาเราก็มา เพราะตั๋วมันเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย ที่นี่ผู้ชายเยอะมากเราเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่นี่แต่โชคดีที่เราเจอเพื่อนฝรั่ง 3 คน เค้าก็เข้ามาเซฮัลโหลเรา ก็ทักทายกัน เราบอกว่าเราเป็นคนไทย เค้าก็ปลื้มบอกว่าอยากไปเมืองไทยมาตั้งนานแล้ว เราก็เลยแลกนามบัตรกับเขา ปรากฎว่าเขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย อย่างน้อยอินเดียก็ไม่น่ากลัวสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉันที่ถูกทอด ทิ้งอย่างฉัน ยังดีนะที่เราทำทัวร์และเป็นไกด์ด้วยเลย พอเอาตัวรอดไปได้ แต่เวลาเราเข้าไปเช็กอิน ผู้ชายทั้งล้อบบี้มองเราเหมือนจะให้ละลาย หรือจะทำอะไรสักอย่าง เฮ้อ..ก็เห็นผู้หญิงต่างชาติ แถมมาคนเดียว

พอค่ำ ๆ เพื่อนสุดที่รักมากก็โผล่มา รับไปทานอาหารแขก ก็เลยหายโกรธ แต่ก็ยังแค้นอยู่...เช้ามา ทางบอดี้การ์ดสุดหล่อ นักศึกษาอินเดียอายุ 25 ปี พาฉันนั่งรถบัส เข้าไปเที่ยวที่ทัชมาฮาล อนุสรณ์ความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งมหัศจรรย์โลกเวลาเข้าไป ต้องเข้าไปจอดรถที่ท่ารถ มีรถม้า อูฐ รถสองแถว รถประจำทางให้เข้าไป เพราะเขาไม่ให้รถใหญ่หรือรถ ทัวร์เข้า ไปเกรงจะทำให้เกิดมลพิษ และถนนพัง เข้าไปในทัชมาฮาลเช่นเคย คนขายของมารุมล้อม เราก็ช่วยซื้อ แต่ปวดหัวเพราะหลายคน เราก็เลยเกาะแขนบอดี้การ์ดหนุ่มแขกปลื้มมาก งานนี้...ห้ามเอากล้อง หรือวีดีโอเข้าไปถ่ายที่ทัชมาฮาล งานนี้จ่ายไป 1500 รูปี (เท่าเงินไทย) ได้มา 10 รูปสวยงามทุกท่าเพราะถูกบังคับให้ถ่ายรูป จ่ายเงินให้สะใจ แต่ก็ดู เหมือนเจ้าหญิง มีคนมาคอยดูแล ย้ำไปอินเดียต้องมีเงิน เงินจ่ายทุกอย่าง แต่ก็สบายใจว่า ไม่ถูกฉุดไปทำมิดีมิร้ายแน่ คนเขาน่ารัก แม้ว่าหน้าตา จะค่อนข้างดุ แต่ดูแล้วในใจเขาดีมาก ๆ ความจนทำให้คนเขาค่อน ข้างจะงกมากไป เงินอย่างเดียว แต่ไปทัชมาฮาลครั้งนี้ถือว่าเป็นกำไรชีวิต คุ้มกับการจ่ายที่แพงแสนแพงมหาโหดสำหรับการเที่ยวคนเดียวในอินเดีย 5 วันนี้สะใจมากทัชมาฮาล อนุสรณ์ความรักที่ยิ่งใหญ่ กษัตริย์ ชาร์ตจาฮาล สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักที่มีต่อพระมเหสีคือ พระนางมุมตัส มาฮาล ซึ่งสวรรคตในปี 1631 ด้วยความรักที่พระองค์มีต่อพระนาง หลุมศพวาง เคียงคู่กันจนปัจจุบันภายในทัชมาฮาล ประกอบด้วยหินอ่อนล้ำค่า มีประตูรัก ที่เชื่อว่าถ้ายืนตรงมุมประตูและขอพร อธิษฐาน จะสมหวังในรักคนอินเดีย เองมาเที่ยวเยอะมาก ต่างชาติแทบไม่มีเลยตั้งแต่เกิดสงครามที่อัฟกานิสถาน ชื่อและรูปนาย บินลาเดน หราทั่วเมือง มีคนทำเสื้อขาย และดีมาก ๆ ไม่ต้อง โฆษณา

ประเทศเลย อินเดียใกล้กับปากีสถานและอัฟกานิสถานฉันเป็นผู้หญิง ไทย ใจกล้ามาก ที่ไปในช่วงนี้ ขาเข้าขาออกเช็กเข้มงวด สงสัยหน้าเหมือน สาวแขกมั๊ง แถมไปคนเดียวนอกจากนี้ ที่อัคคระมีที่ฝังศพอันสวยงามชื่อว่า อิติมัดอุดดอละห์ พระราชวังฟะเตย์บุรสิกรีซึ่งจักรพรรดิ์อักบาร์ทรงสร้าง ไว้เพื่อเป็นเมืองหลวง เป็นเมืองที่มีสถานปัตยกรรมงดงาม ฉันได้ไปเที่ยวชม ป้อมปราการแดง เหมือนสมัยโบราณ ที่นี่มีนักศิลปะอาหรับผสมผสาน กับตะวันตก คล้ายคลึงกันตลาดนัดที่นี่คึกคักขายส่าหรี และของพื้นเมือง กลางคืนในอัคคระวุ่นวายดี เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เราก็เลือก ที่จะหลับในห้องพักอบอุ่นและปลอดภัยกว่าจาก อัคคระ กลับมาที่นิวเดลี ช้อปปิ้งตลาดปัญจาบ เริ่มมีสีสันหน่อย ต้องต่อราคา กระเป๋าใบละ 70 บาทจาก 150 บาท เสื้อ 300 ต่อได้ 80 สร้อยกำไร ตลาดที่นี่ถูกมาก ไม่ต้องไปให้แขกที่ไหนลหอก ซื้อที่ตลาดได้เลย เหินฟ้าไปต่อที่บอมเบย์ บอมเบย์เป็นเมืองท่า ศูนย์กลางการค้า มีถนนเลียบชายหาดที่มีชื่อเสียงคือ มารีนไดรว์ เปรียบเสมือนไข่มุกที่สวมพระศอราชินี เขาว่าไว้หาดทรายชุหู และเกตเวย์ออฟอินเดียเป็นสถานที่มีชื่อที่นักท่องเที่ยวไปชม ตลาดนัด ขายของ คนขายรับเงินไป 1 พันบาทแล้วคนแลกเงินหายไปนานมาก เจ้าของร้านเลยบอกว่าจะหยิบอะไรก็ได้ให้ครบ 1 พันบาทเราโกรธและขำ เลยเหมากำไรและสร้อยมาแจกชาวบ้าน เพราะไม่รู้จะทำยังไงเขาไม่คืนเงิน

สถานีรถไฟ วิคทอเรียเทอมีนัส พิพิธภัณฑ์ปริ้นออฟเวลส์เป็นสถาปัตย กรรมอาหรับผสมตะวันตก อังกฤษ ปกครองในอดีตยังคง ทิ้งร่อยรอยสมัย โบรษรและ ศิลปะไว้ที่บอมเบย์ รถติด มหาโหดพอกับกรุงเทพฯเขาปลื้มได้ฉายา ว่าฮอลลีวู้ดของอินเดีย เพราะดาราหนัง การสร้างหนัง โรงหนัง อยู่ที่นี่หมด อมิตาป ปันจันดังมากและส่งให้ลูก ชายสุดหล่อ เจริญรอยตามหนังสือ พิมพ์ประโคมข่าวกัน คนอินเดียที่บอม เบย์เขา ทันสมัยกว่านิวเดลลีมาก มีรถเก๋งรุ่นใหม่จนถึงรุ่นเก่านักธุรกิจมากมาย ตึก ระฟ้า ศูนย์ธุรกิจ อินเดียทุกวันนี้ไม่เหมือนอินเดียสมัยก่อน เขาเริ่มเข้าสู่ยุคอีคอมเมิร์ซ 2002 แล้วฉันจากบอมเบย์และนิวเดลลีด้วย ความรู้สึกต่างจากวันไป อินเดีย คืออินเดีย อารยธรรมประเพณียังคงอยู่ คนของเขายังอยู่ ความเจริญมีบ้าง ไม่สกปรก ขอทานน้อยมาก และความปลอดภัยเขามีไม่น่กลัวอย่างที่คิด ตอนนี้เศรษฐกิจเขาก็แย่เนื่อง จากทัวร์ไม่มีเลยเพราะข่าวสงครามมากมาย ฉันชอบหนังอินเดีย ชอบชุด ส่าหรีอินเดีย ผู้หญิงอินเดียยังคงตามหลังผู้ชายเช่นเดิม มีการขอผู้ชายด้วยสิน สอดที่ทางฝ่ายชายเรียก ไม่มีสาวอินเดียออกมาเดินตามถนนมากมาย เหมือนผู้ชาย เด็กผู้หญิงคนหนึ่งมองฉันด้วยสายตาบริสุทธิ์เหมือนจะถามว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าหนูยังจนอยู่แม้ฉันจะถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว ในอินเดียแต่ฉันก็คุ้มที่ได้มาเยือน และก็ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย ที่ไป อินเดียช่วงนี้แต่กลับมา ฉันคิดว่าแขกบางคนเพื่อนบางคนต้องถูกตีแทน “งู” แน่นอน...



จาก




__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard