Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: เศรษฐกิจอินเดีย


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
เศรษฐกิจอินเดีย
Permalink   


       ประชาชนชาวอินเดียกว่า 1,050 ล้านคน เมื่อสิ้นปี 2003 ดูจะเป็นตัวเลขที่นักการตลาดอย่างเราๆ ต้องตาลุกพองเมื่อคิดถึงโอกาสในการขายสินค้าเป็นจำนวนมาก แต่ใช่ว่าตลาดในอินเดียจะเป็นหมูให้ใครต่อใครมาเคี้ยวได้ง่ายๆ อินเดียในวันนี้แตกต่างจากอินเดียเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงอินเดียในเรื่องของการเป็นแหล่งกำเนิดของศาสนาพุทธ หรือบางคนอาจนึกถึงทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก ขณะที่อีกหลายคนกลับนึกถึงการแบ่งชั้นวรรณะของคนในอินเดีย


       แต่ไม่ว่าจะเหตุผลประการใด อิมเมจที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของอินเดีย ส่งผลให้ อินเดียŽ กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในทวีปเอเชียจนทำให้แทบทุกประเทศหันมาจับตามองอินเดียไม่แพ้ประเทศจีนเลยทีเดียว การ Transform อินเดียเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1991 ภายหลังจากการที่อินเดียต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง จนต้องกู้เงินจาก IMF (International Monetary Fund ) และจากธนาคารโลก ส่งผลให้อินเดียต้องดำเนินนโยบายการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ (Economic Reform) จากเดิมที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม กลายเป็นระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม 
            แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเศรษฐกิจอินเดียอยู่ที่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เรียกว่า fast-track privatisationŽ ส่งผลให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติในกิจการด้านไฟฟ้า พลังงาน และด้านอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้การเปิดเสรีโทรคมนาคมและการสื่อสารช่วงปี 2000 ทำให้อินเดียก้าวไปสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า ยุคอินเตอร์เน็ตŽ จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต (Internet User) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 5 ล้านรายในปี 2000 มาเป็น 16.5 ล้านรายในปี 2004 โดยในปีนี้ Boston Consulting Group คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในอินเดียจะสูงถึง 35 ล้านราย ขณะที่จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเอเชีย-แปซิฟิก จะสูงถึง 245 ล้านราย ทั้งนี้ประเทศที่มีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั้น ฟิลิปปินส์มาเป็นอันดับ 1 ด้วยอัตราการเติบโต 74% รองลงมา คือ มาเลเซีย, ไทย, จีน, เกาหลี และอินเดีย ด้วยอัตราการเติบโต 60, 56, 50, 48 และ 42% ตามลำดับ โดยเกาหลีเป็นประเทศที่มีการใช้ไอทีมากที่สุด การเติบโตของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสอดรับกับการเติบโตของธุรกิจไอทีในอินเดีย ซึ่งไม่เพียงแต่นิคมอุตสาหกรรมไอทีที่บังกาลอร์ (Bangalore) ที่เป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อันดับ 2 ของโลกรองจากซิลิคอน วัลเล่ย์ 
           ที่สหรัฐอเมริกาแล้ว อินเดียยังพยายามก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออก Content รายใหญ่ของโลก โดยมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ นิคมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ หรือที่เรียกกันว่า บอลลีวู้ดŽ (Bollywood) ซึ่งอินเดียหวังจะเป็นเหมือน ฮอลลีวู้ดŽ (Hollywood) ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับอินเดียในวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น หากแต่มันเกิดจากวิสัยทัศน์ของผู้นำอินเดียในการวางแผนพัฒนาประเทศตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยเปลี่ยนจุดอ่อนของอินเดียให้กลายเป็นจุดแข็ง และสร้างโอกาสในตลาดโลกให้แก่อินเดีย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การที่อินเดียแสดงให้นานาประเทศเห็นแล้วว่า จำนวนประชากรที่มีอยู่อย่างมหาศาล มิได้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ แต่กลับกลายเป็นโอกาสทองของอุตสาหกรรมภายในประเทศได้เป็นอย่างดี


             นอกจากนี้การที่อินเดียมีแรงงานจำนวนมากและมีค่าแรงต่ำ ประกอบกับการที่อินเดียใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ส่งผลให้มีบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่หลายแห่งเข้ามาลงทุนในอินเดียมากขึ้น ปัจจุบันเมืองสำคัญๆ อย่าง มุมไบ (เดิมคือ นิวเดลี), กัลกัตตา, เดลี,เชนไน, ไฮเดอราบาด ฯลฯ คลาคล่ำไปด้วยบริษัทของคนอินเดียที่รับงาน Outsourcing จากบริษัทชั้นนำของโลก นั่นเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า แรงงานด้านไอทีของอินเดียในวันนี้ไม่เป็นสองรองใคร อย่างไรก็ดี แม้อินเดียจะโด่งดังเรื่องไอทีเป็นพิเศษ แต่ใช่ว่าเศรษฐกิจของอินเดียจะพึ่งพาแต่อุตสาหกรรมไฮเทคเท่านั้น อินเดียยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ ถ่านหิน (ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก) แร่เหล็ก แมงกานีส ไททาเนียม โครไมท์ ก๊าซธรรมชาติ เพชร ปิโตรเลียม และหินปูน อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ไม่เพียงเท่านั้น อินเดียยังมีผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว (อันดับสองรองจากไทย) ข้าวสาลี พืชน้ำมัน ฝ้าย ปอ ชา น้ำตาล มันฝรั่ง ปศุสัตว์ การจับปลา (อันดับที่ 10 ของโลก) รวมทั้งผลผลิตทางอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ อาหารแปรรูป เหล็ก อุปกรณ์การขนส่ง ซีเมนต์ เหมืองแร่ เป็นต้น โดยธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจสำคัญที่ขับเคลื่อนกลไกทางเศรษฐกิจของอินเดียตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา


            สำหรับตลาดภายในประเทศของอินเดียนั้น การบริโภคสินค้าต่อหัวของคนอินเดียค่อนข้างต่ำ โดย อยู่ที่ประมาณ 5-25% ของประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้ว โดย ราคาŽ เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของคนในอินเดีย การจำหน่ายสินค้าในชนบทและท้องที่ห่างไกลความเจริญนั้น ราคาสินค้าอาจแพงขึ้น 5-10% เนื่องจากต้นทุนในการขนส่งที่สูงขึ้น นอกจากนี้การที่สินค้าต้องผ่านมือพ่อค้าคนกลางหลายทอดก่อนจะส่งถึง ผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ทำให้ตลาดในอินเดียตกอยู่ในมือของพ่อค้าคนกลางอย่างแท้จริง ซึ่งก็คล้ายกับโครงสร้างตลาดของไทยเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว พื้นฐานอุตสาหกรรมที่หลากหลายในอินเดีย ส่งผลให้มีสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเป็นจำนวนมาก 
      
ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีต้นทุนต่ำ และตอบสนองความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากความช่ำชองในเรื่องช่องทางจัดจำหน่ายของผู้ผลิตในประเทศที่มีอยู่ นอกจากนั้นการที่โครงสร้างการจัดจำหน่ายและการขายของอินเดียแบ่งออกเป็น 3 ชั้น กล่าวคือ บริษัทที่ดำเนินกิจการจะมีตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก โดยในปัจจุบันอินเดียมีผู้ค้าปลีกกว่า 2.5 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัวที่อยู่ในเมือง โดยมีผู้ค้าหลายรายที่ให้บริการจัดส่งสินค้าถึงที่ รวมทั้งให้บริการเครดิตอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจของอินเดีย คือ อินเดียแทบจะไม่มีห้างสรรพสินค้าเลย แม้ทุกเมืองจะมีการค้าขายกันอย่างคับคั่ง


           ทั้งนี้ การที่ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่มักเป็นของคนในท้องถิ่น ทำให้บ่อยครั้งที่การซื้อขายจะออกมาในลักษณะของการต่อรองและการเจรจา เช่น ผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เครื่องประทินผิวรายหนึ่ง จำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าชาวอินเดีย 200 ล้านคน ผ่านเครือข่ายของ ร้านค้ารายย่อย 100,000 ร้านทั่วประเทศ เป็นต้น แม้การทำธุรกิจเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตภายในประเทศจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากของบริษัทข้ามชาติ แต่การมองอินเดียเป็น Hub ของภูมิภาคเอเชียใต้ ดูจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเฉกเช่นเดียวกับการกำหนดให้สิงคโปร์ และฮ่องกงเป็น Hub ในแถบบ้านเรา ซึ่งนั่นจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อินเดียเปล่งประกายในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงดวงหนึ่งของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ก็คงต้องจับตาดูว่า


          ก้าวใหม่ของอินเดียในสหัสวรรษใหม่จะเป็นไปในทิศทางใดและอินเดียจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกอีกประเทศหนึ่งหรือไม่ อีกไม่นานเกินรอเราคงได้ทราบกัน...






จาก...........brandagemagazine  ปีที่ 5 ฉบับที่ 3



-- Edited by Bollywood2Thai at 18:21, 2005-05-14

__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard