Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: พระราหู


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
พระราหู
Permalink   



 


เทพนพเคราะห์องค์ที่ 8 พระพุธ (กลางคืน)


Image Hosted by ImageShack.us



     พระราหูทรงเป็นอสูรเทพ คือเป็นเทพที่มีรูปกายเป็นยักษ์นั่นเอง มีพระวรกายสีดำสนิทและทรงอาภรณ์สีดำสนิทบ้างก็สีทองแดง


       พาหนะ ตามตำราชาวฮินดู คือสิงห์ สำหรับโหราศาสตร์ไทย ทรงครุฑเป็นพาหน


     ตำนานเล่ากำเนิดของพระราหูมีมากมาย ดังนี้


     พระราหู เป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา เมื่อแรกเกิดขึ้นพระราหูมีหางเป็นนาค และสถิตอยู่ในวิมานสีนิชลหรือสีดำขลับโดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ พระราหูถือเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์


     ในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้นิรมิตผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรม ด้วยน้ำอมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นาม พระราหู

พระราหูทรงเป็นอสูรเทพ คือเป็นเทพที่มีรูปกายเป็นยักษ์นั่นเอง มีพระวรกายสีดำสนิทและทรงอาภรณ์สีดำสนิทบ้างก็สีทองแดง

พาหนะ ตามตำราชาวฮินดู คือสิงห์ สำหรับโหราศาสตร์ไทย ทรงครุฑเป็นพาหนะ


ตำนานเล่ากำเนิดของพระราหูมีมากมาย ดังนี้


         พระราหู เป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา เมื่อแรกเกิดขึ้นพระราหูมีหางเป็นนาค และสถิตอยู่ในวิมานสีนิชลหรือสีดำขลับโดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ พระราหูถือเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์


     ในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้นิรมิตผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรม ด้วยน้ำอมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นาม พระราหู


     คัมภีร์โบราณฮินดูกล่าวว่าพระราหูทรงเป็นโอรสของพระพฤหัสบดีกับนางสิงหิกา


     บางคัมภีร์กล่าวว่าทรงเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ก่อนมากำเนิดบนสวรรค์ เรื่องเล่าอดีตชาติเรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านเศรษฐีผู้มั่งคั่งผู้หนึ่งมีบุตรชาย 3 คน คนโต อดีตชาติคือพระอาทิตย์ คนรอง อดีตชาติคือพระจันทร์ และคนสุดท้อง อดีตชาติคือพระราหู ต่อมาเมื่อเศรษฐีได้ถึงแก่กรรมลงทั้ง 3 พี่น้องได้นิมนต์พระมาทำบุญโดยการใส่บาตร      พี่คนโตได้คว้าขันทองคำพร้อมอธิษฐานด้วยเสียงดังว่าผลบุญที่กระทำจงส่งผลให้เกิดเป็นพระอาทิตย์เพื่อส่องแสงในยามกลางวัน พี่คนรองคว้าได้ขันเงินเมื่อใส่บาตรเสร็จจึงอธิฐานดังๆ ว่าขอให้เกิดเป็นพระจันทร์ทำหน้าที่ส่องแสงยามค่ำคืนด้วย ส่วนคนสุดท้องเมื่อได้ฟังพี่ชายทั้ง 2 ของตนอธิฐานก็โกรธเป็นอย่างมากจึงคว้ากระบุงใส่ข้าวมาใส่บาตรอธิฐานดังๆ ว่าขอให้เกิดเป็นพี่ชายใหญ่ของพระอาทิตย์และพระจันทร์ มีร่างกายใหญ่โตจนสามารถบดบังแสงแห่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ไว้


     กาลต่อมาเมื่อทั้ง 3 คนสิ้นอายุลงคำอธิฐานก็เป็นดังที่ขอไว้ทั้งสิ้น


เวลากลางวัน เมื่อพระราหูโคจรพบพระอาทิตย์ก็บดบังแสงไว้มิให้ส่องมายังโลก เหตุนี้จึงเรียกว่าการเกิดสุริยุปราคา


เวลากลางคืน เมื่อพระราหูก็จะเข้าบดบังอมพระจันทร์ไว้ให้มืดมิด เหตุนี้จึงเรียกกันว่า จันทรุปราคา หรือจันทรคราส


ซึ่งเกิดจากความโกรธพี่ชายทั้ง 2 ของตนที่ได้อธิฐานไว้จึงเกิดเป็นความพยาบาทสืบเนื่องกันมา

เหตุที่พระราหูร่างขาดเป็น 2 ท่อน มีตำนานเล่าไว้ 2 ประเด็นคือ


      เล่ากันว่าพระราหูได้แปลงตัวเป็นเทวะองค์หนึ่งเข้ารวมในการชุมนุมของทวยเทพ และได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไป แต่ทว่า พระสุริยาทิตย์ และพระจันทร์ได้สังเกตเห็น เข้าจึงนำความไปบอกพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ว่าพระราหูผู้เป็นแทตย์ได้แปลงร่างไปเป็นเทวะและลอบดื่มน้ำอมฤตนั้น พระนารายณ์ทรงกริ้วนักจึงขว้างด้วยจักรถูกพระราหูจนวรกายขาดไปครึ่งองค์ แต่ทรงมิสิ้นชีพเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้วจึงมีฤทธานุภาพสูงเทียมเท่ากับ เทวะทั้งมวล พระราหูจึงเหลือแต่เพียงท่อนหัวล่องลอยไปมาในชั้นสวรรค์คอยจับพระอาทิตย์และพระจันทร์มากินเพื่อแก้แค้นดังเช่นเดิม


       ส่วนท่อนตัวหรือท่อนล่างของพระราหูที่กระเด็นขาดหายไปได้กลายไปเป็นพระเกตุเป็นเทวะแห่งนพเคราะห์องค์ที่ 9 ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นดาวหางหรือ ดาวผีพุ่งไต้ เกิดขึ้นนานๆ ครั้งในชั้นบรรยากาศนั่นเอง


        อีกตำนานเล่าไว้ว่าเหตุเกิดจากพญาครุฑ (พระอาทิตย์) อยากกินพญานาค (พระเสาร์) จึงเข้าไล่จับมาทำอาหาร พญานาคหนีไปหาพระราหูเพื่อขอให้ช่วยเหลือ จึงต่อสู้กันสุดท้ายพญาครุฑพ่ายแพ้จึงเข้าเฝ้าพระอินทร์ (พระพฤหัส) สุดท้ายพระอินทร์ก็ไม่สามารถจับพญาครุฑได้ ส่วนพระราหูเหลือบไปเห็นน้ำอมฤตด้วยความเหนื่อยล้าจึงยกน้ำอมฤตขึ้นดื่ม เมื่อพระอินทร์เห็นดังนั้นก็บรรดาลโทสะขว้างจักรเพชรเข้าใส่ร่างพระราหูขาดออก 2 อ่อน แต่ก็ไม่ตายด้วยดื่มน้ำอมฤตก่อนแล้ว



__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
Permalink   

การบูชาพระราหู
      ตามหลักของชาวฮินดูโบราณจะประกอพิธีในช่วงคืนวันพุธของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี หรือจะบูชาเดือนใดก็ได้


เครื่องบวงสรวง


ผ้าแพรสีดำหรือสีม่วง


พวงมาลัยดาวเรือง ดอกบัว ดอกไม้สีม่วง


สุรา ข้าวตอก ของคาวของหวาน ผลไม้รสเปรี้ยว ใช้สีดำหรือสีคล้ำ


ธูปเทียนสีดำ


ตั้งเครื่องบวงสรวงไว้นอกชายคาบ้านตั้งไว้ทิศพายัพ การบูชาจุดธูปเทียน



คาถาบูชา


ตั้งนะโม 3 จบ



กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ


สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ


สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ


พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ


กินนิ สันตะระมาโน วะราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ


สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ


สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ


พุทธคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติ



สวดวันละ 12 จบ



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard