Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: วันสำคัญฮินดู


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
วันสำคัญฮินดู
Permalink   






เดือน 5 

......เดือน 5 นี้ จัดว่าเป้นการเปิดศักราชใหม่ตามปฏิทินโหราศาสตร์ของศาสนาฮินดู ซึ่งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 และในขณะเดียวกัน วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 นี้จนกระทั่งถึงขึ้น 9 ค่ำ จะตรงกับนวราตรี ผู้ที่เคารพบูชาพระแม่อุมาจะทำการบูชาเจ้าแม่ทั้ง 9 ปาง ในแต่ละคืนเมื่อเสร็จแล้วจึงจะบูชาไฟและเชิญเด็กหญิงไม่เกิน 10 ขวบ ทั้ง 9 คน โดยเริ่มตั้งแต่ 2 ขวบเรื่อยไปตามลำดับจนครบ 9 ปางมาร่วมพิธี ผู้ชุมนุมในงานจะมอบสิ่งของให้แก่เด็กทั้ง 9 คน  

 


เดือน 6

  ..... ในเดือนนี้จะมีการบูชาพระวิษณุในวันขึ้น 3 ค่ำ และวันขึ้น 14 ค่ำ สาวนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวันศูนย์กลางของ สงกรานต์เป็นวันเพ็ญแรกของปีนับว่ามีความสำคัญมาก ประชาชนจึงทำพิธีบูชาไฟและทำบุญตามประเพณีของตระกูล  

 


เดือน 7

  .....  วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 7 เป็นวันบูชาพระวิษณุ มีการอดอาหารและน้ำ 1 วัน
  .....  วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 เป็นวันเริ่มแห่งการเข้าพรรษา นักบวชผู้เป้นสันยาสีจะต้องอยู่ประจำที่ 4 เดือน เพราะเป็นฤดูฝน นอกจาก เดินทางไม่สะดวกแล้ว ยังมีแมลงเกิดขึ้นมากมายอาจเหยีบยย่ำสัตว์เหล่านี้ทำให้เป็นบาปติดตัว  

 


เดือน 8

  .....  วันขึ้น 2 ค่ำ จะมีการแห่รูปพระวิษณุ โดยเฉพาะที่แคว้นอัสสัมมีการฉลองพิธีนี้อย่างใหญ่โต
  .....  วันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันไหว้ครู 

 


เดือน 9

  ......วันขึ้น 5 ค่ำ เรียกว่านาคปัญจมี จำทำการบูชาพญานาคด้วยน้ำนม ถ้างูกินของผู้ใด ผู้นั้นจะได้รับอันตรายจากงูเป็นเวลา 1 ปี
  ..... แรม 4 ค่ำ เป็นวันบูชาพระพิฆเนศ ซึ่งต้องอดอาหารตลอดวันจนพิธีเสร็จ และพระจันทร์ปรากฏขึ้นเมื่อใดจึงจะรับประทานอาหารได้
  ...... แรม 6 ค่ำ เป็นวันบูชาพระสุริยเทพส่วนแรม 8 ค่ำ บูชาพระกฤษณะด้วยการอดอาหารจนถึงเที่ยงคืนจึงจะรับประทานอาหาร

 


เดือน 10

  ......วันขึ้น 3 ค่ำ เป็นวันสำคัญของพระแม่อุมาและพระศิวะเชื่อกันว่าสตรีใดบำเพ็ญตบะในวันนี้จะได้สามีที่ดีและจะอยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุข เพราะเป็นวันที่พระแม่อุมาทรงบำเพ็ญตบะวิงวอนของแต่งงานกับพระศวะ และพระศิวะได้ตกลงรับสัญญา พร้อมทั้งให้พรสตรี ที่บำเพ็ญตบะในวันนี้
  ......วันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่ศาสนิกชนทำพิธีบูชาสักการะดงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และจะเชิญ พวกสันยาสีมาฉันอาหารที่บ้าน  

 


เดือน 11

  ......ในเดือนนี้ตลอดวันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เป็นวันนวราตรี จะมีการทำพิธีบูชาตลอด 9 วัน เช่นเดียวกับเดือน 5 ส่วนวันขึ้น 10 ค่ำ เป็นวันพระแม่อุมา โดยเฉพาะพวกวรรณะกษัตริย์จะต้องบูชาเป็นพิเศษ เชื่อกันว่าใครบูชาพระนางในวันนี้จะได้รับชัยชนะตลอดปี
  ......วันขึ้น 15 ค่ำ ในตอนกลางคืนพวกพราหมณ์และผู้นับถือศาสนาฮินดู จะบูชาพระวิษณุด้วยสิ่งของสีขาวล้วน
  ......แรม 13 ค่ำ เป็นวันที่ผู้นับถือศาสนาทำพิธีบูชาพระแม่ลักษมี พระพิฆเนศ พระกุเวร พระสรัสวดี พระอินทร์ เมื่อบูชาแล้วต้องไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ใหม่ ๆ จะได้เกิดศิริมงคล
  ......แรม 14 ค่ำ พวกพราหมณ์จะบูชาพระยายมในตอนกลางคืน มีการจุดประทีปตามไฟเป็นการถวายพระยายม เมื่อตายไปจะไม่ไปนรกแต่ถ้าหากทำกรรมหนักขนาดลงนรกก็จะมีไฟนำทางอันเป็นผลมาจากการจุดประทีปถวายพระยายนั่นเอง
  ......อนึ่งในวันนี้เป็นวันเกิดของอนุมาน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นปางหนึ่งของพระศิวะ
  ......แรม 15 ค่ำ เป็นวันบูชาเทพทั้ง 5 พระองค์ และเป็นวันบูชาพระลักษมี  

 


เดือน12

  ......ขึ้น 1 ค่ำ เป็นวันถวายอาหารเทพเจ้าทั้งหมด 56 อย่าง
  ......ขึ้น 2 ค่ำ เป็นวันที่พี่ชายหรือน้องชายต้องไปกินอาหารบ้านพี่สาวหรือน้องสาว และจะต้องนำของขวัญไปให้ด้วย จากนั้นพี่สาวหรือน้องสาว จะเจิมหน้าผากให้เพื่อความเป็นสิริมงคล
  ...... ขึ้น 12 ค่ำ เป็นวันบูชาพระวามนะ ปางหนึ่งของพระวิษณุ
  ...... ขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันบูชาพระวิษณุ  

 


เดือน ยี่

  ...... วันขึ้น 15 ค่ำ เป้นวันบูชาพระวิษณุ และถวายประทีปแก่เทพเจ้าในเทวาลัย
  ...... วันขึ้น 6 ค่ำ ถึงแรม 6 ค่ำ รวม 15 วัน ป็นวันพระราชพิธีตรยัมปวาย เป็นพิธีเริ่มการเพาะปลูกโดยบูชาพระอิศวรและ พระนารายณ์เดือน 3
  ...... วันขึ้น 5 ค่ำ บูชาพระสรัสวดีจะทำให้สติปัญญาดีขึ้น นอกจากนี้ ในวันเดียวกันยังบูชาพระกามเทพและพระวิษณุ ประชาชนจะพากันไปล้างบาปที่แม่น้ำ
  ...... วันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันบูชาเทพเจ้า แล้วแต่ใครศรัทธาองค์ใดก็บูชาองค์นั้น
  ...... วันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันศิวราตรี พวกพราหมณ์บูชาพระศวะตลอด 24 ชม. ด้วยการอดอาหารและอดนอม  

 


เดือน 4

  ...... วันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันเผาของสกปรก
  ...... แรม 1 ค่ำ เรียกว่าโฮลี มีการเล่นสาดสีใส่กันเพื่อให้เชื้อโรคสิ้นไป วันนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นวันตรุษของแขก เป็นวันสนุกสนานของคนทุกวรรณะ โดยเฉพาะพวกวรรณะศูทรถือว่าเป็นวันสำคัญมากในชีวิตของพวกเขา
  ...... แรม 15 ค่ำ เดือน 4 ถือว่าเป็นวันสิ้นปีของศาสนาฮินดู  

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
Permalink   





ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาที่ค่อนข้างจะเน้นหนักในเรื่องพิธีกรรมมาก ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายพวกพราหมณ์ได้กำหนด แบบแผนไว้อย่างละเอียด เพราะเชื่อกันว่าถ้าทำพิธีกรรมถูกต้องครบถ้วนหน้าแล้วจะมีผลขึ้นมาโดยอัตโนมัติแม้เทพก็ไม่สามารถ ขัดขวางได้ พิธีกรรมจึงเป็นส่วนหนึ่งของกฏเกณฑ์แห่งเอกภพ และชาวฮินดูก็ตั้งใจประกอบพิธีกรรมเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมาย
............
พิธีกรรมสำคัญที่ชาวฮินดูปฏิบัติเพื่อให้เกิดมงคลแก่ชีวิต มีดังนี้ คือ



 


พิธีประจำบ้าน


........ พิธีนี้จำทำให้เฉพาะวรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ แบะวรรณะแพศย์ ซึ่งกำหนดไว้ให้มี 12 ประการ รวมเรียกว่า “พิธีสังสการ” ซึ่งมีการปฏิบัติตามลำดับขั้นดังนี้ คือ



ขั้นที่ 1 ครรภาธาน เป็นพิธีที่จัดขึ้นเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ ถัดจากวันวิวาห์


ขั้นที่ 2 ปุงสวัน เป็นพิธีปฏิบัติต่อเด็กในครรภ์ที่เข้าใจว่าเป็นเพศชาย


ขั้นที่ 3 สีมันโตนยัน เป็นพิธีตัดผมหญิงมีครรภ์ เมื่อครรภ์ได้ 4,6หรือ 8 เดือน


ขั้นที่ 4 ชาตกรรม พิธีคลอดบุตร


ขั้นที่ 5 นามกรรม พิธีตั้งชื่อเด็ก ในวันที่ 12 หรือ 14 ถัดจากวันคลอด


ขั้นที่ 6 นิษกรมณ์ พิธีนำเด็กออกไปดูแสงอาทิตย์ยามเช้า เมื่ออายุได้ 4 เดือน


ขั้นที่ 7 อันนปราศัน พิธีป้อนข้าวเด็กเมื่ออายุได้ 5 เดือน หรือ 6 เดือน


ขั้นที่ 8 จูฑากรรม พิธีโกนผมไว้จุก เมื่ออายุได้ 3 ขวบ


ขั้นที่ 9 เกศานตกรม พิธีตัดผม ถ้าเป็นวรรณะพราหมณ์ตัดเมื่ออายุ 16 ปี ถ้าวรรณะกษัตริย์ตัดเมื่ออายุ 22 ปี ถ้าวรรณแพศย์ตัดเมื่ออายุ 24 ปี


ขั้นที่10 อุปนัยน์ พิธีเริ่มการศึกษาเพื่อเป็นพราหมณ์โดยคล้องด้ายยัชโญปวีต


ขั้นที่11 สมาวรรตน์ พิธีกลับบ้าน ปฏิบัติเมื่อสำเร็จการศึกษาจากสำนักครูแล้ว


ขั้นที่12 วิวาหะ พิธีแต่งงาน

 ........ .พิธีทั้ง 12 ประการนี้ ถ้าเป็นหญิงห้ามทำพิธีอุปนัยน์อย่างเดียว นอกนั้นทำได้หมดและห้ามสวดคัมภีร์พระเวท เพราะเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่สงวนเฉพาะผู้ชายและคนบางวรรณะเท่านั้นในปัจจุบัน พวกพราหมณได้ลดพิธีปฏิบัติเหลือเพียง 4 อย่าง คือ
... -พิธีนามกรรม
... -อันนปราศัน
... -อุปนัยน์
.. .-วิวาหะ


พิธีศราท


 ........ .เป็นพิธีสังเวยวิญญาณบรรพบุรุษด้วยข้าวบิณฑ์ (ก้อนข้าวสุก) เพื่อให้ผู้ตายไม่ต้องเป็นเปรตเร่รอน เมื่อได้รับข้าวแล้วจะ ได้ไปสู่สุคติอยู่ร่วมกับวิญญาณบรรพบุรุษ ผู้ทำศราทธ์ ถ้าเป็นลุกชายยิ่งจะช่วยให้พ่อพ้นขุนนรก “ปุตตะ” พิธีกระทำในวันที่หนึ่งก่อน วันเผาศพและวันที่ 11 นับจากวันตายจะทำพิธีใหญ่โดยญาติทั้งหญิงและชายสายบิดาและมารดาสืบขึ้นไป 3 ชั่วคนต้องมาร่วมพิธี ญาติเหล่านี้เรียกว่า


 ........ .“สบิณฑ์” แปลว่า “ร่วมข้าวบิณฑ์” หลังจากนั้นทำพิธีเดือนละครั้งเอยไปตลอดไป แล้วจึงเปลี่ยนทำปีละครั้ง ถ้าหากทำพิธี เสร็จแล้วข้าวของเครื่องใช้จะต้องทิ้งในแม่น้ำหรือโคนต้นโพธิ์




พิธีบูชาเทวดา

เป็นพิธีที่มีหลากหลายตามชั้นวรรณะของตน ยิ่งวรรระต่ำยิ่งมีพิธีที่ผิดแปลกพิสดารออกไป แต่ถ้าเป็นพวกวรรระสูงมีการปฏิบัติดังนี้ คือ


-การสวดมนค์ภาวนา
-การสมโภช ถือศีล และการกระทำพิธีกรรมในวันศักดิ์สิทธ์ ซึ่งแต่ละท้องที่อาจมีรูปแบบแตกต่างกันออกไป
-การไปมนัสการบำเพ็ญกุศล ณ เทวสถาน


__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
Permalink   






ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูไม่มีศาสดาจริงจังเหมือนศาสนาอื่นๆ เพราะคำสอนต่างๆ กลุ่มพราหมรณ์หรือพระฤๅษีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ได้ยินหรือฟังจากเสียงทิพย์หรือเสียงสวรรค์ (ศรุติ) ด้วยตนเอง แล้วมีการจดจำไว้หรือถ่ายทอดต่อกันทางความทรงจำ (สมฤติ) ต่อมามีหัวหน้าลัทธิหรือผู้แต่งตำราทำให้คำสอนแพร่หลายยั่งยืนมาจนปัจจุบันนี้ ฉะนั้นในที่นี้ใคร่ขอรวบรวมสรุป กล่าวถึงผู้แต่งตำราหรือหัวหน้าลัทธิแทนชื่อประวัติของศาสดา



 



1.วยาสะ ท่านผู้นี้ตามตำนานในคัมภีร์วิษณุปราณะ เล่ม 3 กล่าวไว้ว่าเป็นผู้รวบรวมเรียบเรียงคัมภีร์พระเวท คัมภรีย์ อิติหาสะ และคัมภีร์อุปราณะ อนึ่งผู้แต่งมหากาพย์ มหาภารตะ ก็ใช้ชื่อวยาสะด้วยจึงเป็นอันรวมความได้อย่างหนึ่งว่า ท่านวยาสะผู้เป็นฤษี คนสำคัญมีส่วนแต่งหรือรวบรวเรียบเรียงคัมภีร์ของศาสนาฮินดูไว้มากที่สุด ท่านผู้นี้อย่างตำนาน กล่าวว่ามิใช่ฤษีธรรมดา แต่เป็นเทพ ฤษี (Divine sage) ไม่ปรากฏเดือนปีที่เกิดแน่นอนเพราะเป็นอดีตหลายพันปี 


2.วาลมีกเป็นชื่อของพระฤๅษีผู้แต่งมหากาพย์รามายณะ สันนิษฐานว่าประมาณปลายศตวรรษที่ 4 และต้นศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ.


3.โคตมะ หรือเคาตมะ ผู้ตั้งลัทธินยายะ สันนิษฐานว่าเกิดประมาณ 550 ปี ก่อน ค.ศ.

4.กณาทะ ผู้ตั้งลัทธิไวเศษิกะ สันนิษฐานว่าเกิดประมาณศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ.

5.กปิละ ผู้ตั้งลัทธิสางขยะ สันนิษฐานว่าเกิดในสมัยศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ.

6.ปตัญชล ผู้ตั้งลัทธิโยคะ สันนิษฐานว่าเกิดในสมัยศตวรรษที่ 3 หรือ 4 ก่อน ค.ศ.

7.ไชมิน ผู้ตั้งลัทธิมีมางสา หรือปูรวมีมางสา สันนิษฐานว่าเกิดระหว่างศตวรรษที่ 6 ถึงศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ.

8.พาทรายณะ ผู้ตั้งลิทธิเวทานตะหรืออุตตรมีมางสามีผู้กล่าวว่าเป็นครเดียวกับวยาสะ และเกิดระหว่างศตวรรษที่ 6 ถึงศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. บางท่านก็สันนิษฐานว่าเกิดระหว่างศตวรรษที่ 5 ถึงศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ.

9.มนุหรือมนู ผู้แต่งคัมภีร์ธรรมศาสตร์ สันนิษฐานว่าเกิดในสมัยศตวรรษที่ 5 ก่อน ค.ศ.

10.จารวากะ ผู้ให้กำเนิดลัทธิโลกายตะ หรือวัตถุนิยม ไม่มีประวัติแน่นอน มีแต่นิยายในคัมภีร์มหาภารตะว่าเป็น รากษส ปลอมเป็นพราหมณ์ไปแสดงลัทธินี้แล้วถูกฆ่าตาย ฉะนั้นจะว่าเป็นศาสดาก็ไม่ถนัดนักเพราะถูกกล่าวถึงในทาง เป็นผู้ร้ายมากกว่า

11.สังกราจารยผู้แต่งอรรถกถาหรือคำอธิบายลัทธิเวทานตะ สันนิษฐานว่าเกิดระหว่าง ค.ศ. 788 ถึง ค.ศ. 820 แต่ เรื่องเล่ากล่าวกับสืบมาว่า ท่านผู้นี้เกิดในสมัย 200 ปี ก่อน ค.ศ. ซึ่งนับว่าห่างไกลกันมากท่าผู้นี้แต่งหนังสือไว้มากเรื่อง ด้วยกัน และถือกันว่าเป็นผู้ตั้งลัทธิ “อัทไวตะ” หรือ “เอกนิยม” คือ นับถือพระเจ้าองค์เดียวขึ้น

12.นาถมุนี (ค.ศ.824-ค.ศ.924) ถือกันว่าเป็นผู้นำคนแรกของลัทธิไวษณวะ

13.รามานุชาจารย(เกิด ค.ศ.1027 สิ้นชีพ ค.ศ.1137) ถือกันว่าเป็ฯคนสำคัญยิ่งของลัทธิไวษณวะและเจ้าของ ปรัชญาวิศิษฏาทไวตะ (เอกนิยมแบบพิเศษ) อันสืบเนื่องมาจากลัทธิเวทานตะ

14.มัธวาจารย(ค.ศ.1199-ค.ศ.1277) เป็นผู้นำท่านหนึ่งแห่งลัทธิไวษณะ และเจ้าของปรัชญาทไวตะ หรือทวินิยม อันสืบเนื่องมาจากลัทธิเวทานตะ

15.ลกุลีสะ (สมัยของท่านผู้นี้ยังไม่แน่) เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งนิกายไศวะฝ่ายใต้ ผู้ตั้งนิกายปศุปตะ

16.วสุคุปตะ (ประมาณศตวรรษที่ 9 แห่ง ค.ศ.) เป็นผู้ตั้งลัทธิไศวะฝ่ายเหนือ หรือที่เรียกว่า “กาษมีรไศวะ”

17.รามโมหันรอย (ค.ศ.1774-1833) เป็นผู้ตั้งพรหมสมาช

18.สวามีทยานันทะสรัสวดี (ค.ศ.1824-1883) เป็นผู้ตั้งอารยสมาช

19.รามกฤษณะ (ค.ศ.1836-1886) เป็นผู้นำทางความรู้และการปฏิบัติเป็นต้นเหตุให้มีขยวนการรามกฤษณะมิชชั่น แม้ท่านจะมิได้ตั้งขึ้นเอง แต่สวามีวิเวกานันทะก็ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเครื่องอนุสรณ์ถึง





 http://religion.m-culture.go.th/religion_hindo/index.asp



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard