Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: พระพิฆเณศ


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
พระพิฆเณศ
Permalink   


พระพิฆเณศ เทพผู้ขจัดอุปสรรค



          ชาติกำเนิดอย่างเป็นรูปธรรมของ พระพิฆเณศ เริ่มต้นในราวพุทธศตวรรษที่ 11 พระพิฆเณศ อยู่ในฐานะของพระราชโอรสของเทพและพระศรีอุมาเทวี 2 โดยมีพระขันธกุมาร เป็นน้อง พระพิฆเณศนั้นเป็นเจ้าแห่งอุปสรรค ดั้งนั้นการบูชาพระองค์ท่านก็เพื่อช่วยให้พ้นอุปสรรคและความขัดข้องทั้งหลายเสียให้หมดสิ้น และในขณะเดียวกัน พระอง๕ท่านได้ชื่อว่าเป็นบรมครูทางศิลปะทั้งมวล ดังนั้น ตามหลักประเพณีโบราณนั้นถือว่า พระพิฆเณศต้องรับการบูชาก่อนพระองค์อื่นเสมอ พระพิฆเณศมีปางต่าง ๆ มากมาย แต่ละปางล้วนมีความหมายต่างกัน อีกทั้งแต่ละปางก็ยังถืออาวุธอันแตกต่างกันออกไปด้วย


          ปางพาลคเณศ เป็นพระในวัยเด็ก รูปลักษณะที่เห็นมักจะอยู่ในท่าที่คลานอยู่กับพื้น ถ้าโตขึ้นมาหน่อย จะนั่งขัดสมาธิเพชรบนดอกบัว มี 4 กร ถือขนมโมทกะ กล้วย รวงข้าว ซึ่งหมายถึงความมีสุขภพดีของเด็ก


         ปางนารทคเณศ ปางนี้จะอยู่ในอริยบทยืน มี 4 กร ถือคัมภีร์หม้อน้ำกมัลฑลุ ไม้เท้าและร่ม เป็นสัญลักษณ์ของผู้เดินทางไกลไปศึกษาต่อ หรือบุคคลที่อยู่ในอาชีพครู


         ปางลักษมีคเณศ ปางนี้มักประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมี 6 กร โดยพระหัตถ์หนึ่งจะโอบพระลักษมีเทวีไว้ และมีโอกาสได้บูชาเทพทั้ง 2 พระองค์ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะพระลักษมีเทวีมีความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่งและความมั่งมีทั้งหลาย


         ปางวัลลยภาคเณศ ปางนี้พระพิฆเณศจะอุ้มพระชายาทั้งสองไว้บนตักทั้งซ้ายและขวา พระชายาทั้งสองหมายถึงนางพุทธิและนางสิทธิ เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของครอบครัว มีทรัพย์สินและบริวารมากมาย


         ปางมหาวีระคเณศ เป็นพระพิฆเนศที่มีจำนวนพระกรมากเป็นพิเศษ อาจจะ12, 14, 16 กร แต่ละพระหัตถ์ ถืออาวุธที่ต่างกันไป เช่น ลูกศร, คันธนู, ดาบดาง, ตะบอง, ขวาน, จักร, บ่วงบาศ, งูใหญ่, หอก, ตรีศูล ปางนี้เหมาะแก่การทำศึกสงครามกับหมู่อมิตรทั้งหลาย โดยเฉพาะพวกบรรดาแม่ทัพ นายกอง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ บูชาดีนักแล


       ปางเหรัมภะคเณศ เป็นพระพิฆเณศที่ห้อยพระบาทอยู่บนพระยาราชสีห์ พระพิฆเณศปางนี้จะพิเศษกว่าปางอื่นตรงที่มี 5 เศียร เป็นปางที่เหล่ากษัตริย์บูชามาตั้งแต่โบราณกาล หมายถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่


      ปางสัมปทายะคเณศ เป็นพระพิฆเณศที่เราพบเห็นกันบ่อยมากเป็นปางเพื่อการประทานพรให้ประสพความสำเร็จ


     ตรีมุขคเณศ เป็นพระพิฆเณศ 3 พระพักตร์ 4 กร


     ปัญจคเณศ เป็นพระพิฆเณศเปิดโลกธาตุ


     วิชัยคเณศ เป็นพระพิฆเณศที่ขี่หนูเป็นพาหนะ มีความหมายว่าอยู่เหนือบริวารนั่นเอง


         อันตำนานชาติกำเนิดของพระพิฆเณศว่ากันไปหลายทาง อาทิ พระนางปารวตี มเหสีของพระศิวะมหาเทพ ทรงมีพระสหายคู่พระทัยอยู่ 2 นาง คือ ชยา และ วิชยา นางทั้งสองได้แนะนำมหาเทวีว่า คนที่รับใช้พระนางอยู่ในขณะนี้นั้นล้วยแต่เป็นบริวารของพระศิวะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นนที, ภฤงคิ แต่ถ้าพระนางจะมีคนรับใช้ที่เป็นบริวารของพระนางเองคงจะดีไม่น้อย วันนั้น พระนางปราวตีไม่ได้แสดงท่าทีตอบรับแต่อย่างไร จนคราวหนึ่งในระหว่างที่นางกำลังสรงน้ำอยู่ พลันนึกถึงคำพูดของพระสหายทั้งสอง จึงนำเอาเหงื่อไคลของพระนางมาสร้างเป็นบุรุษงาม ลำดับนั้น พระเทวีทรงมีโองการให้ไปเฝ้าหน้าทวารห้ามมิให้ใครเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต


           วันหนึ่งพระมหาเทพได้เสด็จมายังที่ประทับของพระนาง ขณะนั้นพระนางอยู่ในห้องสรงน้ำพอดี บุรุษผู้นี้ขวางประตูทวารทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีเยี่ยม พระศิวะทรงพิโรธด้วยเห็นว่า บุรุษผู้นี้ไร้กาละเทศะจาบจ้วงมหาเทวะ ผู้เป็นสามีของพระนางปาราวตี จึงทรงมีเทวบัญชาให้ภูติและคณะของพระองค์ทรงสังหารทวารบาลผู้นี้ทันที แต่บรรดาบริวารของพระศิวะเทพกลับไม่มีใครเอาชนะได้ จนต้องไปอัญเชิญพระวิษณุมาช่วย ฝ่ายนางปราวตีได้ยินเสียงอาวุธที่สัปยุทธ์กัน ทั้งพระสหายทั้งสองมารายงานว่า ฝ่ายเทวดายกพลมาโรมรันนายทวารบริวารของพระองค์ นางได้ยินดังนั้นจึงสร้างบริวารขึ้นเพื่อช่วยเหลือนายทวารผู้นั้น


    พระวิษณุเทพได้ใช้อุบายจนสามารถตัดเศียรของนายทวารผู้นั้นได้ ดังนั้นฝ่าเทวีจึงไม่ยอมเข้าทำการรบพุ่งกับฝ่ายเทวะ เป็นศึกสงครามระอุไปทั่ว ในที่สุดฤษษีนารัทต้องมาอ้อนวอนสรรเสริญให้พระเทวีเยือกเย็นและขอให้ยุติศึก พระศิวมหาเทพจึงมีเทวโองการให้เทวดาเดินทางไปยังทิศเหนือ และนำศรีษะของสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่ได้พบเพื่อมาต่อกับเศียรที่ขาดหายไป เทวดาได้นำศรีษะของช้างซึ่งมีงาเดียวมาต่อเข้ากับพระศอของบุตรพระเทวี


         ดังนั้น ด้วยเหตุนี้ พระโอรสของพระนางจึงมีนามว่า คชานนะ (มีหน้าเป็นช้าง), เอกทันตะ (มีงาข้างเดียว), เมื่อบุรุตบุตรพระเทวีฟื้นคืนชีพขึ้นจึงทราบว่า พระศิวะนั้นเป็นบิดาจึงได้ขอขมาโทษพระองค์และเหล่าเทวดาทั้งหลาย เนื่องจากตนต้องปฏิบัติตามมอบหมายจากพระเทวี หลังจากนั้นพระศิวะมหาเทพได้ประสาทพรให้พระโอรสเป็นพระคณปิติ(ผู้มีอำนาจ-ผู้ยิ่งใหญ่) มีอำนาจเหนือภูติทั้งหลาย จากตำนานดังกล่าวนี้ พระคเณศจึงมีหลายพระนามเช่น คชานนะ, เอกทันตะ, คณปิติ


       บางตำนานว่าคราวหนึ่งพระศิวะมหาเทพได้เคยประทานพรแก่ผู้สักการะบูชาพระศิวลึงค์ที่โสมนาถว่า จะไม่ตกนรก ดังนั้นจึงเป็นช่องว่าให้คนชั่วเหล่านั้นพากันไปกราบไหว้บูชาจนสวรรค์เต็มไปด้วยคนชั่วร้าย ความดังกล่าวรู้ถึงพระเทวี ดังนั้นวันหนึ่งขณะที่นางสรงน้ำอยู่จึงเอาน้ำมันที่ใช้ในการสรงน้ำผสมกับเหงื่อไคลของพระองค์ ปั้นเป็นรูปคนที่มีหัวเป็นช้าง จากนั้นจึงได้เอาน้ำจากพระคงคามาประพรมให้มีชีวิตขึ้น พระนางบอกกล่าวแกเทวดาทั้งหลายว่า บุรุษผู้มีเศียรเป็นช้างผู้นี้มีหน้าที่ขัดขวางคนชั่วมิให้ไปบูชาศิวลึงค์ที่โสมนาถ เพื่อให้คนชั่วเหล่านี้ได้ตกนรกทั้ง 7 ขุม


        อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่าพระศิวะมหาเทพได้ประทานพรให้ทำการพลีบูชาที่วิหารโสมีศวร ได้ขึ้นสวรรค์ดังนั้นจึงมีพวกศูทร คนบาปและคนป่าเถื่อนทั้งหลายเป็นจำนวนมากนิยมขึ้นสวรรค์ด้วยวิธีนี้ พระอินทร์และเหล่าเทวดาทั้งหลายได้รับความเดือดร้อนป็นอันมากจึงเข้าเฝ้าพระนางปราวตีเป็นลำดับต่อไปพระนางทรงลูบวรกายเบา ๆ บังเกิดเป็นเป็นบุรุษหนึ่งเศียรเป็นช้างมี 4 พระกร พระเทวีตรัสว่า พระองค์ทรงสร้างบุรุษนี้ตามประสงค์ของเทวดา เพื่อสร้างความขัดข้องแกมนุษย์ในการบูชาที่วิหารโสมมีศวรทั้งนี้เพื่อให้มนุษย์บาปเหล้านั้นต้องตกนรก


          ในปุราณะเดียวกันยังมีอีกตำนานหนึ่งว่า มีนางรากษสคนหนึ่งนามว่า มาลินี ในคราวหนึ่งนางปราวตีได้เอาคราบไคลและน้ำมันมาผสมกันและออกเดินทางไปรับประทานให้นางรากษสตนนั้นซึ่งอาศัยอยู่ที่ปากแม่น้ำคงคา เมื่อนางรากษสได้กินคราบไคลแล้วตั้งครรภ์ขึ้น บังเกิดเป็นบุรุษหนึ่งมีเศียรเป็นช้าง 5 เศียร นางปารวตีและพระศิวะเทพรับเอาบุตรนางรากษสนั้นมาเป็นพระโอรส พระศิวะมหาเทพทรงรวมเศียรทั้ง 5ให้ เป็นหนึ่งเดียว และพระราชมานนามว่า วิฆเนศวริ (ผู้ขวางเสียซึ่งความขัดข้อง)


         อีกตำนานหนึ่งว่า หลังจากงานอภิเษกของพระศิวะมหาเทพกับนางปราวตีแล้ว ทั้งสองพระองค์อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลายาวนาน แต่ไม่ปรากฏว่ามีโอรสและธิดาใด ๆ พระศิวะมหาเทพจึงทรงแนะนำให้พระนางทำพิธีปันยากพรต (บุญยักวริตะ) ขึ้นเพื่อบูชาพระวิษณุเทพ ในวันที่ 13 ค่ำ เดือนมาฆะ พิธีดังกล่าวจะต้องทำเรื่อย ๆ ไปตลอด 1 ปี พระวิษณุเทพพึงพอใจในการปฏิบัติศาสนกิจของนางปราวตี จึงมีเทวโองการให้พระกฤษณะอวตารไปเฝ้าพระเทวีด้วยรูปร่างอันสง่างามและประทานให้พระเทวีปราวตีเกิดสิ่งปกติ กล่าวคือ ทรงไปเกิดเป็นพระโอรสที่มีอำนาจเหนือทุก ๆ คน และเป็นที่สักการะแห่งเทพเจ้าทั้ง 3 โลกและมวลมนุษย์ทั้งหลาย.-





เชิญเยี่ยมชมเพิ่มเติมที่  www.amuletzone.com


-- Edited by Bollywood2Thai at 19:04, 2005-04-06

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 379
Date:
Permalink   

บทสวดอัญเชิญและบูชาพระพิฆเนศวร (พระพิฆเณศ)
        โอม ศรีคเณศายะ นะ มะ ฮา 3 จบ
ขอบารมีแห่งองค์พระพิฆเนศ จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าจงประสพแต่ความสำเร็จในทุกทาง เทอญ
        โอม ศิโรเม พุทธะเทวัญ จะ อะหังเมธานัง พิฆะเนศะวะระ พรหมมะเทวะตา
มะหาอิทธิโย ปาระมิตตา ปูชิตตะวา อัญชะลียะ ปักการะวันตา ปักการา เคหะวัตถุม
หิเขตเต พิธีปูชา อาคัจฉา ยะหิ สัมผัสสะ เทวะ มะนุสสานัง อัญชะลียะ จะ นะมัศศิวารายะ

        โอม พระพิฆะเนศะวะระ สิทธิ ประสิทธิเม มะหาลาโภ ทุติยัมปิ พระพิฆะเนศะวะระ
สิทธิ ประสิทธิเม มะหาลาโภ ตะติยัมปิ พระพิฆะเนศะวะระ สิทธิ ประสิทธิเม มะหาลาโภ





__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard